พระล้านนาดอทคอม แหล่งรวมพระเครื่องเมืองเหนือ
พระเกจิสายใต้

พิมพ์กลางรุ่นแรก หลวงพ่อด่วน วัดบางนอน ระนองเกจิดังมรณภาพเผาไม่ไหม้


พิมพ์กลางรุ่นแรก หลวงพ่อด่วน วัดบางนอน ระนองเกจิดังมรณภาพเผาไม่ไหม้


พิมพ์กลางรุ่นแรก หลวงพ่อด่วน วัดบางนอน ระนองเกจิดังมรณภาพเผาไม่ไหม้

ชื่อพระ :
 พิมพ์กลางรุ่นแรก หลวงพ่อด่วน วัดบางนอน ระนองเกจิดังมรณภาพเผาไม่ไหม้
รายละเอียด :
 

ข่าว แปลก ฮือฮา พระ เกจิ ชื่อดังเผาไม่ไหม้!

หลัง จุดไฟเผา หลวงพ่อด่วน พระสงฆ์ เกจิดังเมืองระนอง นานครึ่งชั่วโมงปรากฏว่าไฟไม่ไหม้แม้แต่จีวร คณะศิษย์เตรียมบรรจุใส่โลงแก้วให้ประชาชนกราบไหว้ ลูกศิษย์ หลวงพ่อด่วน เผยก่อนมรณภาพ หลวงพ่อด่วน เคยสั่งไม่ให้เผาสังขารเพราะกลัวร้อน แปลกแต่จริง


           เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพิธีพระราชทานเพลิงศพพระครูประภัสรวิริยคุณ หรือหลวงพ่อด่วน ถามวโร อายุ 90 ปี 69 พรรษา พระเกจิชื่อดังของ จ.ระนอง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางนอน เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 8 พ.ย. ณ เมรุลอยวัดวารีบรรพต (วัดบางนอน) ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง มีนางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าฯระนอง เป็นประธานในพิธี มีพระราชรณังคมุณี เจ้าคณะจังหวัดระนอง พระสงฆ์ ข้าราชการ คณะศิษยานุศิษย์เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมากนั้น หลังจากที่นำศพของหลวงพ่อด่วนขึ้นเมรุลอยเพื่อประกอบพิธี เมื่อจุดไฟเผาศพแล้วใช้พัดลมเป่าเร่งเปลวไฟได้สักครู่ใหญ่ประมาณ 30 นาที ปรากฏว่าเปลวไฟไม่ได้เผาไหม้ศพของหลวงพ่อ แม้แต่จีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ท่ามกลางความตื่นตะลึงของบรรดาลูกศิษย์แ

ข่าว แปลก ฮือฮา พระ เกจิ ชื่อดังเผาไม่ไหม้!

หลัง จุดไฟเผา หลวงพ่อด่วน พระสงฆ์ เกจิดังเมืองระนอง นานครึ่งชั่วโมงปรากฏว่าไฟไม่ไหม้แม้แต่จีวร คณะศิษย์เตรียมบรรจุใส่โลงแก้วให้ประชาชนกราบไหว้ ลูกศิษย์ หลวงพ่อด่วน เผยก่อนมรณภาพ หลวงพ่อด่วน เคยสั่งไม่ให้เผาสังขารเพราะกลัวร้อน แปลกแต่จริง


           เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพิธีพระราชทานเพลิงศพพระครูประภัสรวิริยคุณ หรือหลวงพ่อด่วน ถามวโร อายุ 90 ปี 69 พรรษา พระเกจิชื่อดังของ จ.ระนอง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางนอน เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 8 พ.ย. ณ เมรุลอยวัดวารีบรรพต (วัดบางนอน) ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง มีนางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าฯระนอง เป็นประธานในพิธี มีพระราชรณังคมุณี เจ้าคณะจังหวัดระนอง พระสงฆ์ ข้าราชการ คณะศิษยานุศิษย์เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมากนั้น หลังจากที่นำศพของหลวงพ่อด่วนขึ้นเมรุลอยเพื่อประกอบพิธี เมื่อจุดไฟเผาศพแล้วใช้พัดลมเป่าเร่งเปลวไฟได้สักครู่ใหญ่ประมาณ 30 นาที ปรากฏว่าเปลวไฟไม่ได้เผาไหม้ศพของหลวงพ่อ แม้แต่จีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ท่ามกลางความตื่นตะลึงของบรรดาลูกศิษย์และผู้มาร่วมพิธีจำนวนมาก

           เมื่อเห็นดังนั้นคณะลูกศิษย์จึงตัดสินใจยุติการเผาโดยใช้น้ำราดดับไฟทันที จากนั้นนำเอาศพของหลวงพ่อใส่โลงนำไปตั้งไว้ในวิหารพระพุทธไสยาสน์ พร้อมทั้งเปลี่ยนจีวรให้กับศพของหลวงพ่อใหม่ ท่ามกลางเสียงฮือฮาของบรรดาลูกศิษย์ที่เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิระนองสงเคราะห์ได้เข้ามาควบคุม เหตุการณ์อย่างใกล้ชิด และกันไม่ให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ศพของหลวงพ่อ เพราะเกรงจะเกิดความวุ่นวายเข้าแย่งชิงจีวร และเครื่องอัฏฐบริขารของเกจิดัง

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศพของหลวงพ่อด่วน อยู่ในสภาพคล้ายคนนอนหลับ มือทั้งสองข้างวางบนอก อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ผิวหนังบริเวณแขนมีรอยไหม้เพียงเล็กน้อย ลำตัวและใบหน้าไม่มีรอยไหม้ ส่วนจีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และทันทีที่พระสงฆ์และเจ้าหน้าที่เปลี่ยนจีวรผืนใหม่ให้แทน ประชาชนต่างฮือเข้าไปแย่งชิงจีวรผืนเก่ากันจำนวนมากเพื่อนำไปสักการบูชา หลังจากเปลี่ยนจีวรแล้วคณะลูกศิษย์ได้ยกศพหลวงพ่อขึ้นชูเหนือศีรษะเพื่อให้ ทุกคนได้เห็นกันชัดๆ จากนั้นคณะกรรมการวัดได้ประชุมร่วมกัน และมีมติให้เก็บสังขารหลวงพ่อไว้ในโลงแก้ว

           นายนิพนธ์ ลิ้มรักษา รองผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคระนอง ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อ กล่าวว่า ก่อนหลวงพ่อมรณภาพได้สั่งเสียไว้ว่าอย่าเผาเพราะกลัวร้อน ให้เก็บสังขารไว้ในโลงแก้วเพื่อให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาได้สักการบูชา แต่ทุกคนไม่เชื่อ กระทั่งเมื่อเผาไปได้สักพักใหญ่เห็นว่าไฟไม่ไหม้จึงตัดสินใจยุติการเผาในที่ สุด

           นายสมเพียร บั่นยี่เฉ่ง ชาวบ้านบางนอน กล่าวว่า เชื่อว่าเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อที่ได้ปฏิบัติธรรมมาอย่างเคร่ง ครัดยาวนาน ขณะที่กำลังเผาอยู่นั้นตนสังเกตอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าไฟไม่ไหม้ร่างของท่านแล้วจึงตะโกนให้เอาน้ำมาดับไฟทันที

           ด้านพระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาส กล่าวว่า คณะกรรมการวัดและศิษยานุศิษย์เห็นพ้องกันว่าควรเก็บสังขารของหลวงพ่อไว้ใน โลงแก้วตามความประสงค์ของหลวงพ่อ เพื่อให้ประชาชนได้กราบบูชาต่อไป

           อย่างไรก็ตาม ก่อนประกอบพิธีตลอดทั้งวันฝนได้ตกตลอดเวลา แต่เมื่อถึงเวลาทำพิธีพระราชทานเพลิงฝนได้หยุดตก กระทั่งในเวลา 21.00 น. ได้ประกอบพิธีประชุมเพลิง แต่เมื่อเผาแล้วปรากฏว่าไฟไม่ไหม้ศพ

           สำหรับพระครูประภัสรวิริยคุณ มรณภาพเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ด้วยอาการปอดติดเชื้อและโรคแทรกซ้อน ณ โรงพยาบาลระนอง สิริอายุรวม 90 ปี 69 พรรษา เกิดเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2460 ชื่อเดิม ด่วน ปรางสุวรรณ โยมพ่อชื่อนายแดง โยมมารดาชื่อนางปราง ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านท่าหิน ต.ท่าหิน อ.สะทิงพระ จ.สงขลา มีพี่น้องรวม 4 คน อุปสมบทเมื่อตอนอายุ 21 ปี อยู่วัดบางแก้ว อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และได้ออกธุดงค์ไปตามจังหวัดต่างๆ กระทั่งมาสร้างวัดบางนอน ขึ้นในปี 2502 เป็นต้นมา ขณะมีชีวิตอยู่ได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนาและประเทศชาติมาโดยตลอด อาทิ การก่อสร้างพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ จัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อทวด วัดบางนอน ซึ่งได้รับความนิยมจากเซียนพระจำนวนมาก นำรายได้มาสร้างอุโบสถและพระพุทธไสยาสน์จนแล้วเสร็จสมบูรณ์จวบจนถึงปัจจุบัน

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันหลังจากข่าวศพหลวงพ่อด่วน ไม่ไหม้ไฟแพร่สะพัดออกไป ประชาชนจำนวนมากได้เดินทางไปกราบไหว้สักการบูชาศพของหลวงพ่อที่วัดบางนอน พร้อมร่วมบริจาคเงินทำบุญเพื่อซื้อโลงแก้วสำหรับบรรจุศพ นอกจากนี้วัตถุมงคลที่ทางวัดจัดสร้างก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหลวงพ่อทวด มีประชาชนเช่าไปบูชาไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน

           พระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาสวัดว

ข่าว แปลก ฮือฮา พระ เกจิ ชื่อดังเผาไม่ไหม้!

หลัง จุดไฟเผา หลวงพ่อด่วน พระสงฆ์ เกจิดังเมืองระนอง นานครึ่งชั่วโมงปรากฏว่าไฟไม่ไหม้แม้แต่จีวร คณะศิษย์เตรียมบรรจุใส่โลงแก้วให้ประชาชนกราบไหว้ ลูกศิษย์ หลวงพ่อด่วน เผยก่อนมรณภาพ หลวงพ่อด่วน เคยสั่งไม่ให้เผาสังขารเพราะกลัวร้อน แปลกแต่จริง


           เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพิธีพระราชทานเพลิงศพพระครูประภัสรวิริยคุณ หรือหลวงพ่อด่วน ถามวโร อายุ 90 ปี 69 พรรษา พระเกจิชื่อดังของ จ.ระนอง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางนอน เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 8 พ.ย. ณ เมรุลอยวัดวารีบรรพต (วัดบางนอน) ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง มีนางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าฯระนอง เป็นประธานในพิธี มีพระราชรณังคมุณี เจ้าคณะจังหวัดระนอง พระสงฆ์ ข้าราชการ คณะศิษยานุศิษย์เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมากนั้น หลังจากที่นำศพของหลวงพ่อด่วนขึ้นเมรุลอยเพื่อประกอบพิธี เมื่อจุดไฟเผาศพแล้วใช้พัดลมเป่าเร่งเปลวไฟได้สักครู่ใหญ่ประมาณ 30 นาที ปรากฏว่าเปลวไฟไม่ได้เผาไหม้ศพของหลวงพ่อ แม้แต่จีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ท่ามกลางความตื่นตะลึงของบรรดาลูกศิษย์และผู้มาร่วมพิธีจำนวนมาก

           เมื่อเห็นดังนั้นคณะลูกศิษย์จึงตัดสินใจยุติการเผาโดยใช้น้ำราดดับไฟทันที จากนั้นนำเอาศพของหลวงพ่อใส่โลงนำไปตั้งไว้ในวิหารพระพุทธไสยาสน์ พร้อมทั้งเปลี่ยนจีวรให้กับศพของหลวงพ่อใหม่ ท่ามกลางเสียงฮือฮาของบรรดาลูกศิษย์ที่เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิระนองสงเคราะห์ได้เข้ามาควบคุม เหตุการณ์อย่างใกล้ชิด และกันไม่ให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ศพของหลวงพ่อ เพราะเกรงจะเกิดความวุ่นวายเข้าแย่งชิงจีวร และเครื่องอัฏฐบริขารของเกจิดัง

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศพของหลวงพ่อด่วน อยู่ในสภาพคล้ายคนนอนหลับ มือทั้งสองข้างวางบนอก อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ผิวหนังบริเวณแขนมีรอยไหม้เพียงเล็กน้อย ลำตัวและใบหน้าไม่มีรอยไหม้ ส่วนจีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และทันทีที่พระสงฆ์และเจ้าหน้าที่เปลี่ยนจีวรผืนใหม่ให้แทน ประชาชนต่างฮือเข้าไปแย่งชิงจีวรผืนเก่ากันจำนวนมากเพื่อนำไปสักการบูชา หลังจากเปลี่ยนจีวรแล้วคณะลูกศิษย์ได้ยกศพหลวงพ่อขึ้นชูเหนือศีรษะเพื่อให้ ทุกคนได้เห็นกันชัดๆ จากนั้นคณะกรรมการวัดได้ประชุมร่วมกัน และมีมติให้เก็บสังขารหลวงพ่อไว้ในโลงแก้ว

           นายนิพนธ์ ลิ้มรักษา รองผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคระนอง ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อ กล่าวว่า ก่อนหลวงพ่อมรณภาพได้สั่งเสียไว้ว่าอย่าเผาเพราะกลัวร้อน ให้เก็บสังขารไว้ในโลงแก้วเพื่อให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาได้สักการบูชา แต่ทุกคนไม่เชื่อ กระทั่งเมื่อเผาไปได้สักพักใหญ่เห็นว่าไฟไม่ไหม้จึงตัดสินใจยุติการเผาในที่ สุด

           นายสมเพียร บั่นยี่เฉ่ง ชาวบ้านบางนอน กล่าวว่า เชื่อว่าเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อที่ได้ปฏิบัติธรรมมาอย่างเคร่ง ครัดยาวนาน ขณะที่กำลังเผาอยู่นั้นตนสังเกตอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าไฟไม่ไหม้ร่างของท่านแล้วจึงตะโกนให้เอาน้ำมาดับไฟทันที

           ด้านพระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาส กล่าวว่า คณะกรรมการวัดและศิษยานุศิษย์เห็นพ้องกันว่าควรเก็บสังขารของหลวงพ่อไว้ใน โลงแก้วตามความประสงค์ของหลวงพ่อ เพื่อให้ประชาชนได้กราบบูชาต่อไป

           อย่างไรก็ตาม ก่อนประกอบพิธีตลอดทั้งวันฝนได้ตกตลอดเวลา แต่เมื่อถึงเวลาทำพิธีพระราชทานเพลิงฝนได้หยุดตก กระทั่งในเวลา 21.00 น. ได้ประกอบพิธีประชุมเพลิง แต่เมื่อเผาแล้วปรากฏว่าไฟไม่ไหม้ศพ

           สำหรับพระครูประภัสรวิริยคุณ มรณภาพเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ด้วยอาการปอดติดเชื้อและโรคแทรกซ้อน ณ โรงพยาบาลระนอง สิริอายุรวม 90 ปี 69 พรรษา เกิดเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2460 ชื่อเดิม ด่วน ปรางสุวรรณ โยมพ่อชื่อนายแดง โยมมารดาชื่อนางปราง ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านท่าหิน ต.ท่าหิน อ.สะทิงพระ จ.สงขลา มีพี่น้องรวม 4 คน อุปสมบทเมื่อตอนอายุ 21 ปี อยู่วัดบางแก้ว อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และได้ออกธุดงค์ไปตามจังหวัดต่างๆ กระทั่งมาสร้างวัดบางนอน ขึ้นในปี 2502 เป็นต้นมา ขณะมีชีวิตอยู่ได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนาและประเทศชาติมาโดยตลอด อาทิ การก่อสร้างพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ จัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อทวด วัดบางนอน ซึ่งได้รับความนิยมจากเซียนพระจำนวนมาก นำรายได้มาสร้างอุโบสถและพระพุทธไสยาสน์จนแล้วเสร็จสมบูรณ์จวบจนถึงปัจจุบัน

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันหลังจากข่าวศพหลวงพ่อด่วน ไม่ไหม้ไฟแพร่สะพัดออกไป ประชาชนจำนวนมากได้เดินทางไปกราบไหว้สักการบูชาศพของหลวงพ่อที่วัดบางนอน พร้อมร่วมบริจาคเงินทำบุญเพื่อซื้อโลงแก้วสำหรับบรรจุศพ นอกจากนี้วัตถุมงคลที่ทางวัดจัดสร้างก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหลวงพ่อทวด มีประชาชนเช่าไปบูชาไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน

ข่าว แปลก ฮือฮา พระ เกจิ ชื่อดังเผาไม่ไหม้!

หลัง จุดไฟเผา หลวงพ่อด่วน พระสงฆ์ เกจิดังเมืองระนอง นานครึ่งชั่วโมงปรากฏว่าไฟไม่ไหม้แม้แต่จีวร คณะศิษย์เตรียมบรรจุใส่โลงแก้วให้ประชาชนกราบไหว้ ลูกศิษย์ หลวงพ่อด่วน เผยก่อนมรณภาพ หลวงพ่อด่วน เคยสั่งไม่ให้เผาสังขารเพราะกลัวร้อน แปลกแต่จริง


           เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพิธีพระราชทานเพลิงศพพระครูประภัสรวิริยคุณ หรือหลวงพ่อด่วน ถามวโร อายุ 90 ปี 69 พรรษา พระเกจิชื่อดังของ จ.ระนอง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางนอน เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 8 พ.ย. ณ เมรุลอยวัดวารีบรรพต (วัดบางนอน) ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง มีนางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าฯระนอง เป็นประธานในพิธี มีพระราชรณังคมุณี เจ้าคณะจังหวัดระนอง พระสงฆ์ ข้าราชการ คณะศิษยานุศิษย์เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมากนั้น หลังจากที่นำศพของหลวงพ่อด่วนขึ้นเมรุลอยเพื่อประกอบพิธี เมื่อจุดไฟเผาศพแล้วใช้พัดลมเป่าเร่งเปลวไฟได้สักครู่ใหญ่ประมาณ 30 นาที ปรากฏว่าเปลวไฟไม่ได้เผาไหม้ศพของหลวงพ่อ แม้แต่จีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ท่ามกลางความตื่นตะลึงของบรรดาลูกศิษย์และผู้มาร่วมพิธีจำนวนมาก

           เมื่อเห็นดังนั้นคณะลูกศิษย์จึงตัดสินใจยุติการเผาโดยใช้น้ำราดดับไฟทันที จากนั้นนำเอาศพของหลวงพ่อใส่โลงนำไปตั้งไว้ในวิหารพระพุทธไสยาสน์ พร้อมทั้งเปลี่ยนจีวรให้กับศพของหลวงพ่อใหม่ ท่ามกลางเสียงฮือฮาของบรรดาลูกศิษย์ที่เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิระนองสงเคราะห์ได้เข้ามาควบคุม เหตุการณ์อย่างใกล้ชิด และกันไม่ให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ศพของหลวงพ่อ เพราะเกรงจะเกิดความวุ่นวายเข้าแย่งชิงจีวร และเครื่องอัฏฐบริขารของเกจิดัง

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศพของหลวงพ่อด่วน อยู่ในสภาพคล้ายคนนอนหลับ มือทั้งสองข้างวางบนอก อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ผิวหนังบริเวณแขนมีรอยไหม้เพียงเล็กน้อย ลำตัวและใบหน้าไม่มีรอยไหม้ ส่วนจีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และทันทีที่พระสงฆ์และเจ้าหน้าที่เปลี่ยนจีวรผืนใหม่ให้แทน ประชาชนต่างฮือเข้าไปแย่งชิงจีวรผืนเก่ากันจำนวนมากเพื่อนำไปสักการบูชา หลังจากเปลี่ยนจีวรแล้วคณะลูกศิษย์ได้ยกศพหลวงพ่อขึ้นชูเหนือศีรษะเพื่อให้ ทุกคนได้เห็นกันชัดๆ จากนั้นคณะกรรมการวัดได้ประชุมร่วมกัน และมีมติให้เก็บสังขารหลวงพ่อไว้ในโลงแก้ว

           นายนิพนธ์ ลิ้มรักษา รองผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคระนอง ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อ กล่าวว่า ก่อนหลวงพ่อมรณภาพได้สั่งเสียไว้ว่าอย่าเผาเพราะกลัวร้อน ให้เก็บสังขารไว้ในโลงแก้วเพื่อให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาได้สักการบูชา แต่ทุกคนไม่เชื่อ กระทั่งเมื่อเผาไปได้สักพักใหญ่เห็นว่าไฟไม่ไหม้จึงตัดสินใจยุติการเผาในที่ สุด

           นายสมเพียร บั่นยี่เฉ่ง ชาวบ้านบางนอน กล่าวว่า เชื่อว่าเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อที่ได้ปฏิบัติธรรมมาอย่างเคร่ง ครัดยาวนาน ขณะที่กำลังเผาอยู่นั้นตนสังเกตอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าไฟไม่ไหม้ร่างของท่านแล้วจึงตะโกนให้เอาน้ำมาดับไฟทันที

           ด้านพระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาส กล่าวว่า คณะกรรมการวัดและศิษยานุศิษย์เห็นพ้องกันว่าควรเก็บสังขารของหลวงพ่อไว้ใน โลงแก้วตามความประสงค์ของหลวงพ่อ เพื่อให้ประชาชนได้กราบบูชาต่อไป

           อย่างไรก็ตาม ก่อนประกอบพิธีตลอดทั้งวันฝนได้ตกตลอดเวลา แต่เมื่อถึงเวลาทำพิธีพระราชทานเพลิงฝนได้หยุดตก กระทั่งในเวลา 21.00 น. ได้ประกอบพิธีประชุมเพลิง แต่เมื่อเผาแล้วปรากฏว่าไฟไม่ไหม้ศพ

           สำหรับพระครูประภัสรวิริยคุณ มรณภาพเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ด้วยอาการปอดติดเชื้อและโรคแทรกซ้อน ณ โรงพยาบาลระนอง สิริอายุรวม 90 ปี 69 พรรษา เกิดเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2460 ชื่อเดิม ด่วน ปรางสุวรรณ โยมพ่อชื่อนายแดง โยมมารดาชื่อนางปราง ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านท่าหิน ต.ท่าหิน อ.สะทิงพระ จ.สงขลา มีพี่น้องรวม 4 คน อุปสมบทเมื่อตอนอายุ 21 ปี อยู่วัดบางแก้ว อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และได้ออกธุดงค์ไปตามจังหวัดต่างๆ กระทั่งมาสร้างวัดบางนอน ขึ้นในปี 2502 เป็นต้นมา ขณะมีชีวิตอยู่ได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนาและประเทศชาติมาโดยตลอด อาทิ การก่อสร้างพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ จัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อทวด วัดบางนอน ซึ่งได้รับความนิยมจากเซียนพระจำนวนมาก นำรายได้มาสร้างอุโบสถและพระพุทธไสยาสน์จนแล้วเสร็จสมบูรณ์จวบจนถึงปัจจุบัน

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันหลังจากข่าวศพหลวงพ่อด่วน ไม่ไหม้ไฟแพร่สะพัดออกไป ประชาชนจำนวนมากได้เดินทางไปกราบไหว้สักการบูชาศพของหลวงพ่อที่วัดบางนอน พร้อมร่วมบริจาคเงินทำบุญเพื่อซื้อโลงแก้วสำหรับบรรจุศพ นอกจากนี้วัตถุมงคลที่ทางวัดจัดสร้างก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหลวงพ่อทวด มีประชาชนเช่าไปบูชาไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน

           พระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาสวัดวารีบรรพต กล่าวว่า ตั้งแต่ค่ำวันที่ 9 พ.ย. เป็นต้นไป จะมีพิธีสวดอภิธรรม เป็นเวลา 3 คืน จากนั้นจะนำศพหลวงพ่อบรรจุใส่โลงแก้วแล้วตั้งไว้ในวิหารพระพุทธไสยาสน์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนและผู้ที่เลื่อมใสศรัทธากราบนมัสการสักการบูชาต่อไป

 

ละผู้มาร่วมพิธีจำนวนมาก

           เมื่อเห็นดังนั้นคณะลูกศิษย์จึงตัดสินใจยุติการเผาโดยใช้น้ำราดดับไฟทันที จากนั้นนำเอาศพของหลวงพ่อใส่โลงนำไปตั้งไว้ในวิหารพระพุทธไสยาสน์ พร้อมทั้งเปลี่ยนจีวรให้กับศพของหลวงพ่อใหม่ ท่ามกลางเสียงฮือฮาของบรรดาลูกศิษย์ที่เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิระนองสงเคราะห์ได้เข้ามาควบคุม เหตุการณ์อย่างใกล้ชิด และกันไม่ให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ศพของหลวงพ่อ เพราะเกรงจะเกิดความวุ่นวายเข้าแย่งชิงจีวร และเครื่องอัฏฐบริขารของเกจิดัง

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศพของหลวงพ่อด่วน อยู่ในสภาพคล้ายคนนอนหลับ มือทั้งสองข้างวางบนอก อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ผิวหนังบริเวณแขนมีรอยไหม้เพียงเล็กน้อย ลำตัวและใบหน้าไม่มีรอยไหม้ ส่วนจีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และทันทีที่พระสงฆ์และเจ้าหน้าที่เปลี่ยนจีวรผืนใหม่ให้แทน ประชาชนต่างฮือเข้าไปแย่งชิงจีวรผืนเก่ากันจำนวนมากเพื่อนำไปสักการบูชา หลังจากเปลี่ยนจีวรแล้วคณะลูกศิษย์ได้ยกศพหลวงพ่อขึ้นชูเหนือศีรษะเพื่อให้ ทุกคนได้เห็นกันชัดๆ จากนั้นคณะกรรมการวัดได้ประชุมร่วมกัน และมีมติให้เก็บสังขารหลวงพ่อไว้ในโลงแก้ว

           นายนิพนธ์ ลิ้มรักษา รองผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคระนอง ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อ กล่าวว่า ก่อนหลวงพ่อมรณภาพได้สั่งเสียไว้ว่าอย่าเผาเพราะกลัวร้อน ให้เก็บสังขารไว้ในโลงแก้วเพื่อให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาได้สักการบูชา แต่ทุกคนไม่เชื่อ กระทั่งเมื่อเผาไปได้สักพักใหญ่เห็นว่าไฟไม่ไหม้จึงตัดสินใจยุติการเผาในที่ สุด

           นายสมเพียร บั่นยี่เฉ่ง ชาวบ้านบางนอน กล่าวว่า เชื่อว่าเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อที่ได้ปฏิบัติธรรมมาอย่างเคร่ง ครัดยาวนาน ขณะที่กำลังเผาอยู่นั้นตนสังเกตอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าไฟไม่ไหม้ร่างของท่านแล้วจึงตะโกนให้เอาน้ำมาดับไฟทันที

           ด้านพระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาส กล่าวว่า คณะกรรมการวัดและศิษยานุศิษย์เห็นพ้องกันว่าควรเก็บสังขารของหลวงพ่อไว้ใน โลงแก้วตามความประสงค์ของหลวงพ่อ เพื่อให้ประชาชนได้กราบบูชาต่อไป

           อย่างไรก็ตาม ก่อนประกอบพิธีตลอดทั้งวันฝนได้ตกตลอดเวลา แต่เมื่อถึงเวลาทำพิธีพระราชทานเพลิงฝนได้หยุดตก กระทั่งในเวลา 21.00 น. ได้ประกอบพิธีประชุมเพลิง แต่เมื่อเผาแล้วปรากฏว่าไฟไม่ไหม้ศพ

           สำหรับพระครูประภัสรวิริยคุณ มรณภาพเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ด้วยอาการปอดติดเชื้อและโรคแทรกซ้อน ณ โรงพยาบาลระนอง สิริอายุรวม 90 ปี 69 พรรษา เกิดเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2460 ชื่อเดิม ด่วน ปรางสุวรรณ โยมพ่อชื่อนายแดง โยมมารดาชื่อนางปราง ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านท่าหิน ต.ท่าหิน อ.สะทิงพระ จ.สงขลา มีพี่น้องรวม 4 คน อุปสมบทเมื่อตอนอายุ 21 ปี อยู่วัดบางแก้ว อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และได้ออกธุดงค์ไปตามจังหวัดต่างๆ กระทั่งมาสร้างวัดบางนอน ขึ้นในปี 2502 เป็นต้นมา ขณะมีชีวิตอยู่ได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนาและประเทศชาติมาโดยตลอด อาทิ การก่อสร้างพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ จัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อทวด วัดบางนอน ซึ่งได้รับความนิยมจากเซียนพระจำนวนมาก นำรายได้มาสร้างอุโบสถและพระพุทธไสยาสน์จนแล้วเสร็จสมบูรณ์จวบจนถึงปัจจุบัน

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันหลังจากข่าวศพหลวงพ่อด่วน ไม่ไหม้ไฟแพร่สะพัดออกไป ประชาชนจำนวนมากได้เดินทางไปกราบไหว้สักการบูชาศพของหลวงพ่อที่วัดบางนอน พร้อมร่วมบริจาคเงินทำบุญเพื่อซื้อโลงแก้วสำหรับบรรจุศพ นอกจากนี้วัตถุมงคลที่ทางวัดจัดสร้างก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหลวงพ่อทวด มีประชาชนเช่าไปบูชาไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน

           พระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาสวัดวารีบรรพต กล่าวว่า ตั้งแต่ค่ำวันที่ 9 พ.ย. เป็นต้นไป จะมีพิธีสวดอภิธรรม เป็นเวลา 3 คืน จากนั้นจะนำศพหลวงพ่อบรรจุใส่โลงแก้วแล้วตั้งไว้ในวิหารพระพุทธไสยาสน์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนและผู้ที่เลื่อมใสศรัทธากราบนมัสการสักการบูชาต่อไป

 
ราคาเปิดประมูล :
 1350 บาท
ราคาสูงสุด ขณะนี้ :
 1350 บาท
ราคาที่ต้องเพิ่มขึ้น ขั้นต่ำ :
 3500 บาท

เงื่อนไขการรับประกัน :
 

ผู้ตั้งประมูล :
 เบญญา ราชภัณฑารักษ์
ที่อยู่ :
 39/380หมู่ที่1ตำบลคลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ไทย

เบอร์โทรติดต่อ :
  029514790, 0863992464
E-mail :
 chatkokilanan@hotmail.com

ชื่อบัญชี :
 เบญญา ราชภัณฑารักษ์
เลขที่ บัญชี :
 0167114222
ประเภท บัญชี :
 ออมทรัพย์
ธนาคาร :
 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
สาขา :
 เดอะมอล์งามวงศ์วาน

วันที่ :
 Sun 13, Apr 2014 15:15:10
โดย : นานาลิโก    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   Sun 13, Apr 2014 15:15:10
 
 

ข่าอ

ข่าว แปลก ฮือฮา พระ เกจิ ชื่อดังเผาไม่ไหม้!

หลัง จุดไฟเผา หลวงพ่อด่วน พระสงฆ์ เกจิดังเมืองระนอง นานครึ่งชั่วโมงปรากฏว่าไฟไม่ไหม้แม้แต่จีวร คณะศิษย์เตรียมบรรจุใส่โลงแก้วให้ประชาชนกราบไหว้ ลูกศิษย์ หลวงพ่อด่วน เผยก่อนมรณภาพ หลวงพ่อด่วน เคยสั่งไม่ให้เผาสังขารเพราะกลัวร้อน แปลกแต่จริง


           เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพิธีพระราชทานเพลิงศพพระครูประภัสรวิริยคุณ หรือหลวงพ่อด่วน ถามวโร อายุ 90 ปี 69 พรรษา พระเกจิชื่อดังของ จ.ระนอง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางนอน เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 8 พ.ย. ณ เมรุลอยวัดวารีบรรพต (วัดบางนอน) ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง มีนางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าฯระนอง เป็นประธานในพิธี มีพระราชรณังคมุณี เจ้าคณะจังหวัดระนอง พระสงฆ์ ข้าราชการ คณะศิษยานุศิษย์เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมากนั้น หลังจากที่นำศพของหลวงพ่อด่วนขึ้นเมรุลอยเพื่อประกอบพิธี เมื่อจุดไฟเผาศพแล้วใช้พัดลมเป่าเร่งเปลวไฟได้สักครู่ใหญ่ประมาณ 30 นาที ปรากฏว่าเปลวไฟไม่ได้เผาไหม้ศพของหลวงพ่อ แม้แต่จีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ท่ามกลางความตื่นตะลึงของบรรดาลูกศิษย์และผู้มาร่วมพิธีจำนวนมาก

           เมื่อเห็นดังนั้นคณะลูกศิษย์จึงตัดสินใจยุติการเผาโดยใช้น้ำราดดับไฟทันที จากนั้นนำเอาศพของหลวงพ่อใส่โลงนำไปตั้งไว้ในวิหารพระพุทธไสยาสน์ พร้อมทั้งเปลี่ยนจีวรให้กับศพของหลวงพ่อใหม่ ท่ามกลางเสียงฮือฮาของบรรดาลูกศิษย์ที่เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิระนองสงเคราะห์ได้เข้ามาควบคุม เหตุการณ์อย่างใกล้ชิด และกันไม่ให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ศพของหลวงพ่อ เพราะเกรงจะเกิดความวุ่นวายเข้าแย่งชิงจีวร และเครื่องอัฏฐบริขารของเกจิดัง

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศพของหลวงพ่อด่วน อยู่ในสภาพคล้ายคนนอนหลับ มือทั้งสองข้างวางบนอก อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ผิวหนังบริเวณแขนมีรอยไหม้เพียงเล็กน้อย ลำตัวและใบหน้าไม่มีรอยไหม้ ส่วนจีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และทันทีที่พระสงฆ์และเจ้าหน้าที่เปลี่ยนจีวรผืนใหม่ให้แทน ประชาชนต่างฮือเข้าไปแย่งชิงจีวรผืนเก่ากันจำนวนมากเพื่อนำไปสักการบูชา หลังจากเปลี่ยนจีวรแล้วคณะลูกศิษย์ได้ยกศพหลวงพ่อขึ้นชูเหนือศีรษะเพื่อให้ ทุกคนได้เห็นกันชัดๆ จากนั้นคณะกรรมการวัดได้ประชุมร่วมกัน และมีมติให้เก็บสังขารหลวงพ่อไว้ในโลงแก้ว

           นายนิพนธ์ ลิ้มรักษา รองผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคระนอง ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อ กล่าวว่า ก่อนหลวงพ่อมรณภาพได้สั่งเสียไว้ว่าอย่าเผาเพราะกลัวร้อน ให้เก็บสังขารไว้ในโลงแก้วเพื่อให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาได้สักการบูชา แต่ทุกคนไม่เชื่อ กระทั่งเมื่อเผาไปได้สักพักใหญ่เห็นว่าไฟไม่ไหม้จึงตัดสินใจยุติการเผาในที่ สุด

           นายสมเพียร บั่นยี่เฉ่ง ชาวบ้านบางนอน กล่าวว่า เชื่อว่าเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อที่ได้ปฏิบัติธรรมมาอย่างเคร่ง ครัดยาวนาน ขณะที่กำลังเผาอยู่นั้นตนสังเกตอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าไฟไม่ไหม้ร่างของท่านแล้วจึงตะโกนให้เอาน้ำมาดับไฟทันที

           ด้านพระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาส กล่าวว่า คณะกรรมการวัดและศิษยานุศิษย์เห็นพ้องกันว่าควรเก็บสังขารของหลวงพ่อไว้ใน โลงแก้วตามความประสงค์ของหลวงพ่อ เพื่อให้ประชาชนได้กราบบูชาต่อไป

           อย่างไรก็ตาม ก่อนประกอบพิธีตลอดทั้งวันฝนได้ตกตลอดเวลา แต่เมื่อถึงเวลาทำพิธีพระราชทานเพลิงฝนได้หยุดตก กระทั่งในเวลา 21.00 น. ได้ประกอบพิธีประชุมเพลิง แต่เมื่อเผาแล้วปรากฏว่าไฟไม่ไหม้ศพ

           สำหรับพระครูประภัสรวิริยคุณ มรณภาพเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ด้วยอาการปอดติดเชื้อและโรคแทรกซ้อน ณ โรงพยาบาลระนอง สิริอายุรวม 90 ปี 69 พรรษา เกิดเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2460 ชื่อเดิม ด่วน ปรางสุวรรณ โยมพ่อชื่อนายแดง โยมมารดาชื่อนางปราง ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านท่าหิน ต.ท่าหิน อ.สะทิงพระ จ.สงขลา มีพี่น้องรวม 4 คน อุปสมบทเมื่อตอนอายุ 21 ปี อยู่วัดบางแก้ว อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และได้ออกธุดงค์ไปตามจังหวัดต่างๆ กระทั่งมาสร้างวัดบางนอน ขึ้นในปี 2502 เป็นต้นมา ขณะมีชีวิตอยู่ได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนาและประเทศชาติมาโดยตลอด อาทิ การก่อสร้างพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ จัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อทวด วัดบางนอน ซึ่งได้รับความนิยมจากเซียนพระจำนวนมาก นำรายได้มาสร้างอุโบสถและพระพุทธไสยาสน์จนแล้วเสร็จสมบูรณ์จวบจนถึงปัจจุบัน

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันหลังจากข่าวศพหลวงพ่อด่วน ไม่ไหม้ไฟแพร่สะพัดออกไป ประชาชนจำนวนมากได้เดินทางไปกราบไหว้สักการบูชาศพของหลวงพ่อที่วัดบางนอน พร้อมร่วมบริจาคเงินทำบุญเพื่อซื้อโลงแก้วสำหรับบรรจุศพ นอกจากนี้วัตถุมงคลที่ทางวัดจัดสร้างก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหลวงพ่อทวด มีประชาชนเช่าไปบูชาไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน

           พระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาสวัดวารีบรรพต กล่าวว่า ตั้งแต่ค่ำวันที่ 9 พ.ย. เป็นต้นไป จ

ข่าว แปลก ฮือฮา พระ เกจิ ชื่อดังเผาไม่ไหม้!

หลัง จุดไฟเผา หลวงพ่อด่วน พระสงฆ์ เกจิดังเมืองระนอง นานครึ่งชั่วโมงปรากฏว่าไฟไม่ไหม้แม้แต่จีวร คณะศิษย์เตรียมบรรจุใส่โลงแก้วให้ประชาชนกราบไหว้ ลูกศิษย์ หลวงพ่อด่วน เผยก่อนมรณภาพ หลวงพ่อด่วน เคยสั่งไม่ให้เผาสังขารเพราะกลัวร้อน แปลกแต่จริง


           เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพิธีพระราชทานเพลิงศพพระครูประภัสรวิริยคุณ หรือหลวงพ่อด่วน ถามวโร อายุ 90 ปี 69 พรรษา พระเกจิชื่อดังของ จ.ระนอง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางนอน เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 8 พ.ย. ณ เมรุลอยวัดวารีบรรพต (วัดบางนอน) ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง มีนางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าฯระนอง เป็นประธานในพิธี มีพระราชรณังคมุณี เจ้าคณะจังหวัดระนอง พระสงฆ์ ข้าราชการ คณะศิษยานุศิษย์เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมากนั้น หลังจากที่นำศพของหลวงพ่อด่วนขึ้นเมรุลอยเพื่อประกอบพิธี เมื่อจุดไฟเผาศพแล้วใช้พัดลมเป่าเร่งเปลวไฟได้สักครู่ใหญ่ประมาณ 30 นาที ปรากฏว่าเปลวไฟไม่ได้เผาไหม้ศพของหลวงพ่อ แม้แต่จีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ท่ามกลางความตื่นตะลึงของบรรดาลูกศิษย์และผู้มาร่วมพิธีจำนวนมาก

           เมื่อเห็นดังนั้นคณะลูกศิษย์จึงตัดสินใจยุติการเผาโดยใช้น้ำราดดับไฟทันที จากนั้นนำเอาศพของหลวงพ่อใส่โลงนำไปตั้งไว้ในวิหารพระพุทธไสยาสน์ พร้อมทั้งเปลี่ยนจีวรให้กับศพของหลวงพ่อใหม่ ท่ามกลางเสียงฮือฮาของบรรดาลูกศิษย์ที่เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิระนองสงเคราะห์ได้เข้ามาควบคุม เหตุการณ์อย่างใกล้ชิด และกันไม่ให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ศพของหลวงพ่อ เพราะเกรงจะเกิดความวุ่นวายเข้าแย่งชิงจีวร และเครื่องอัฏฐบริขารของเกจิดัง

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศพของหลวงพ่อด่วน อยู่ในสภาพคล้ายคนนอนหลับ มือทั้งสองข้างวางบนอก อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ผิวหนังบริเวณแขนมีรอยไหม้เพียงเล็กน้อย ลำตัวและใบหน้าไม่มีรอยไหม้ ส่วนจีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และทันทีที่พระสงฆ์และเจ้าหน้าที่เปลี่ยนจีวรผืนใหม่ให้แทน ประชาชนต่างฮือเข้าไปแย่งชิงจีวรผืนเก่ากันจำนวนมากเพื่อนำไปสักการบูชา หลังจากเปลี่ยนจีวรแล้วคณะลูกศิษย์ได้ยกศพหลวงพ่อขึ้นชูเหนือศีรษะเพื่อให้ ทุกคนได้เห็นกันชัดๆ จากนั้นคณะกรรมการวัดได้ประชุมร่วมกัน และมีมติให้เก็บสังขารหลวงพ่อไว้ในโลงแก้ว

           นายนิพนธ์ ลิ้มรักษา รองผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคระนอง ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อ กล่าวว่า ก่อนหลวงพ่อมรณภาพได้สั่งเสียไว้ว่าอย่าเผาเพราะกลัวร้อน ให้เก็บสังขารไว้ในโลงแก้วเพื่อให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาได้สักการบูชา แต่ทุกคนไม่เชื่อ กระทั่งเมื่อเผาไปได้สักพักใหญ่เห็นว่าไฟไม่ไหม้จึงตัดสินใจยุติการเผาในที่ สุด

           นายสมเพียร บั่นยี่เฉ่ง ชาวบ้านบางนอน กล่าวว่า เชื่อว่าเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อที่ได้ปฏิบัติธรรมมาอย่างเคร่ง ครัดยาวนาน ขณะที่กำลังเผาอยู่นั้นตนสังเกตอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าไฟไม่ไหม้ร่างของท่านแล้วจึงตะโกนให้เอาน้ำมาดับไฟทันที

           ด้านพระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาส กล่าวว่า คณะกรรมการวัดและศิษยานุศิษย์เห็นพ้องกันว่าควรเก็บสังขารของหลวงพ่อไว้ใน โลงแก้วตามความประสงค์ของหลวงพ่อ เพื่อให้ประชาชนได้กราบบูชาต่อไป

           อย่างไรก็ตาม ก่อนประกอบพิธีตลอดทั้งวันฝนได้ตกตลอดเวลา แต่เมื่อถึงเวลาทำพิธีพระราชทานเพลิงฝนได้หยุดตก กระทั่งในเวลา 21.00 น. ได้ประกอบพิธีประชุมเพลิง แต่เมื่อเผาแล้วปรากฏว่าไฟไม่ไหม้ศพ

           สำหรับพระครูประภัสรวิริยคุณ มรณภาพเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ด้วยอาการปอดติดเชื้อและโรคแทรกซ้อน ณ โรงพยาบาลระนอง สิริอายุรวม 90 ปี 69 พรรษา เกิดเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2460 ชื่อเดิม ด่วน ปรางสุวรรณ โยมพ่อชื่อนายแดง โยมมารดาชื่อนางปราง ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านท่าหิน ต.ท่าหิน อ.สะทิงพระ จ.สงขลา มีพี่น้องรวม 4 คน อุปสมบทเมื่อตอนอายุ 21 ปี อยู่วัดบางแก้ว อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และได้ออกธุดงค์ไปตามจังหวัดต่างๆ กระทั่งมาสร้างวัดบางนอน ขึ้นในปี 2502 เป็นต้นมา ขณะมีชีวิตอยู่ได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนาและประเทศชาติมาโดยตลอด อาทิ การก่อสร้างพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ จัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อทวด วัดบางนอน ซึ่งได้รับความนิยมจากเซียนพระจำนวนมาก นำรายได้มาสร้างอุโบสถและพระพุทธไสยาสน์จนแล้วเสร็จสมบูรณ์จวบจนถึงปัจจุบัน

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันหลังจากข่าวศพหลวงพ่อด่วน ไม่ไหม้ไฟแพร่สะพัดออกไป ประชาชนจำนวนมากได้เดินทางไปกราบไหว้สักการบูชาศพของหลวงพ่อที่วัดบางนอน พร้อมร่วมบริจาคเงินทำบุญเพื่อซื้อโลงแก้วสำหรับบรรจุศพ นอกจากนี้วัตถุมงคลที่ทางวัดจัดสร้างก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหลวงพ่อทวด มีประชาชนเช่าไปบูชาไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน

           พระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาสวัดวารีบรรพต กล่าวว่า ตั้งแต่ค่ำวันที่ 9 พ.ย. เป็นต้นไป จ

ข่าว แปลก ฮือฮา พระ เกจิ ชื่อดังเผาไม่ไหม้!

หลัง จุดไฟเผา หลวงพ่อด่วน พระสงฆ์ เกจิดังเมืองระนอง นานครึ่งชั่วโมงปรากฏว่าไฟไม่ไหม้แม้แต่จีวร คณะศิษย์เตรียมบรรจุใส่โลงแก้วให้ประชาชนกราบไหว้ ลูกศิษย์ หลวงพ่อด่วน เผยก่อนมรณภาพ หลวงพ่อด่วน เคยสั่งไม่ให้เผาสังขารเพราะกลัวร้อน แปลกแต่จริง


           เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพิธีพระราชทานเพลิงศพพระครูประภัสรวิริยคุณ หรือหลวงพ่อด่วน ถามวโร อายุ 90 ปี 69 พรรษา พระเกจิชื่อดังของ จ.ระนอง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางนอน เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 8 พ.ย. ณ เมรุลอยวัดวารีบรรพต (วัดบางนอน) ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง มีนางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าฯระนอง เป็นประธานในพิธี มีพระราชรณังคมุณี เจ้าคณะจังหวัดระนอง พระสงฆ์ ข้าราชการ คณะศิษยานุศิษย์เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมากนั้น หลังจากที่นำศพของหลวงพ่อด่วนขึ้นเมรุลอยเพื่อประกอบพิธี เมื่อจุดไฟเผาศพแล้วใช้พัดลมเป่าเร่งเปลวไฟได้สักครู่ใหญ่ประมาณ 30 นาที ปรากฏว่าเปลวไฟไม่ได้เผาไหม้ศพของหลวงพ่อ แม้แต่จีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ท่ามกลางความตื่นตะลึงของบรรดาลูกศิษย์และผู้มาร่วมพิธีจำนวนมาก

           เมื่อเห็นดังนั้นคณะลูกศิษย์จึงตัดสินใจยุติการเผาโดยใช้น้ำราดดับไฟทันที จากนั้นนำเอาศพของหลวงพ่อใส่โลงนำไปตั้งไว้ในวิหารพระพุทธไสยาสน์ พร้อมทั้งเปลี่ยนจีวรให้กับศพของหลวงพ่อใหม่ ท่ามกลางเสียงฮือฮาของบรรดาลูกศิษย์ที่เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิระนองสงเคราะห์ได้เข้ามาควบคุม เหตุการณ์อย่างใกล้ชิด และกันไม่ให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ศพของหลวงพ่อ เพราะเกรงจะเกิดความวุ่นวายเข้าแย่งชิงจีวร และเครื่องอัฏฐบริขารของเกจิดัง

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศพของหลวงพ่อด่วน อยู่ในสภาพคล้ายคนนอนหลับ มือทั้งสองข้างวางบนอก อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ผิวหนังบริเวณแขนมีรอยไหม้เพียงเล็กน้อย ลำตัวและใบหน้าไม่มีรอยไหม้ ส่วนจีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และทันทีที่พระสงฆ์และเจ้าหน้าที่เปลี่ยนจีวรผืนใหม่ให้แทน ประชาชนต่างฮือเข้าไปแย่งชิงจีวรผืนเก่ากันจำนวนมากเพื่อนำไปสักการบูชา หลังจากเปลี่ยนจีวรแล้วคณะลูกศิษย์ได้ยกศพหลวงพ่อขึ้นชูเหนือศีรษะเพื่อให้ ทุกคนได้เห็นกันชัดๆ จากนั้นคณะกรรมการวัดได้ประชุมร่วมกัน และมีมติให้เก็บสังขารหลวงพ่อไว้ในโลงแก้ว

           นายนิพนธ์ ลิ้มรักษา รองผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคระนอง ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อ กล่าวว่า ก่อนหลวงพ่อมรณภาพได้สั่งเสียไว้ว่าอย่าเผาเพราะกลัวร้อน ให้เก็บสังขารไว้ในโลงแก้วเพื่อให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาได้สักการบูชา แต่ทุกคนไม่เชื่อ กระทั่งเมื่อเผาไปได้สักพักใหญ่เห็นว่าไฟไม่ไหม้จึงตัดสินใจยุติการเผาในที่ สุด

           นายสมเพียร บั่นยี่เฉ่ง ชาวบ้านบางนอน กล่าวว่า เชื่อว่าเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อที่ได้ปฏิบัติธรรมมาอย่างเคร่ง ครัดยาวนาน ขณะที่กำลังเผาอยู่นั้นตนสังเกตอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าไฟไม่ไหม้ร่างของท่านแล้วจึงตะโกนให้เอาน้ำมาดับไฟทันที

           ด้านพระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาส กล่าวว่า คณะกรรมการวัดและศิษยานุศิษย์เห็นพ้องกันว่าควรเก็บสังขารของหลวงพ่อไว้ใน โลงแก้วตามความประสงค์ของหลวงพ่อ เพื่อให้ประชาชนได้กราบบูชาต่อไป

           อย่างไรก็ตาม ก่อนประกอบพิธีตลอดทั้งวันฝนได้ตกตลอดเวลา แต่เมื่อถึงเวลาทำพิธีพระราชทานเพลิงฝนได้หยุดตก กระทั่งในเวลา 21.00 น. ได้ประกอบพิธีประชุมเพลิง แต่เมื่อเผาแล้วปรากฏว่าไฟไม่ไหม้ศพ

           สำหรับพระครูประภัสรวิริยคุณ มรณภาพเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ด้วยอาการปอดติดเชื้อและโรคแทรกซ้อน ณ โรงพยาบาลระนอง สิริอายุรวม 90 ปี 69 พรรษา เกิดเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2460 ชื่อเดิม ด่วน ปรางสุวรรณ โยมพ่อชื่อนายแดง โยมมารดาชื่อนางปราง ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านท่าหิน ต.ท่าหิน อ.สะทิงพระ จ.สงขลา มีพี่น้องรวม 4 คน อุปสมบทเมื่อตอนอายุ 21 ปี อยู่วัดบางแก้ว อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และได้ออกธุดงค์ไปตามจังหวัดต่างๆ กระทั่งมาสร้างวัดบางนอน ขึ้นในปี 2502 เป็นต้นมา ขณะมีชีวิตอยู่ได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนาและประเทศชาติมาโดยตลอด อาทิ การก่อสร้างพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ จัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อทวด วัดบางนอน ซึ่งได้รับความนิยมจากเซียนพระจำนวนมาก นำรายได้มาสร้างอุโบสถและพระพุทธไสยาสน์จนแล้วเสร็จสมบูรณ์จวบจนถึงปัจจุบัน

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันหลังจากข่าวศพหลวงพ่อด่วน ไม่ไหม้ไฟแพร่สะพัดออกไป ประชาชนจำนวนมากได้เดินทางไปกราบไหว้สักการบูชาศพของหลวงพ่อที่วัดบางนอน พร้อมร่วมบริจาคเงินทำบุญเพื่อซื้อโลงแก้วสำหรับบรรจุศพ นอกจากนี้วัตถุมงคลที่ทางวัดจัดสร้างก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหลวงพ่อทวด มีประชาชนเช่าไปบูชาไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน

           พระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาสวัดวารีบรรพต กล่าวว่า ตั้งแต่ค่ำวันที่ 9 พ.ย. เป็นต้นไป จ

ข่าว แปลก ฮือฮา พระ เกจิ ชื่อดังเผาไม่ไหม้!

หลัง จุดไฟเผา หลวงพ่อด่วน พระสงฆ์ เกจิดังเมืองระนอง นานครึ่งชั่วโมงปรากฏว่าไฟไม่ไหม้แม้แต่จีวร คณะศิษย์เตรียมบรรจุใส่โลงแก้วให้ประชาชนกราบไหว้ ลูกศิษย์ หลวงพ่อด่วน เผยก่อนมรณภาพ หลวงพ่อด่วน เคยสั่งไม่ให้เผาสังขารเพราะกลัวร้อน แปลกแต่จริง


           เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพิธีพระราชทานเพลิงศพพระครูประภัสรวิริยคุณ หรือหลวงพ่อด่วน ถามวโร อายุ 90 ปี 69 พรรษา พระเกจิชื่อดังของ จ.ระนอง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางนอน เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 8 พ.ย. ณ เมรุลอยวัดวารีบรรพต (วัดบางนอน) ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง มีนางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าฯระนอง เป็นประธานในพิธี มีพระราชรณังคมุณี เจ้าคณะจังหวัดระนอง พระสงฆ์ ข้าราชการ คณะศิษยานุศิษย์เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมากนั้น หลังจากที่นำศพของหลวงพ่อด่วนขึ้นเมรุลอยเพื่อประกอบพิธี เมื่อจุดไฟเผาศพแล้วใช้พัดลมเป่าเร่งเปลวไฟได้สักครู่ใหญ่ประมาณ 30 นาที ปรากฏว่าเปลวไฟไม่ได้เผาไหม้ศพของหลวงพ่อ แม้แต่จีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ท่ามกลางความตื่นตะลึงของบรรดาลูกศิษย์และผู้มาร่วมพิธีจำนวนมาก

           เมื่อเห็นดังนั้นคณะลูกศิษย์จึงตัดสินใจยุติการเผาโดยใช้น้ำราดดับไฟทันที จากนั้นนำเอาศพของหลวงพ่อใส่โลงนำไปตั้งไว้ในวิหารพระพุทธไสยาสน์ พร้อมทั้งเปลี่ยนจีวรให้กับศพของหลวงพ่อใหม่ ท่ามกลางเสียงฮือฮาของบรรดาลูกศิษย์ที่เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิระนองสงเคราะห์ได้เข้ามาควบคุม เหตุการณ์อย่างใกล้ชิด และกันไม่ให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ศพของหลวงพ่อ เพราะเกรงจะเกิดความวุ่นวายเข้าแย่งชิงจีวร และเครื่องอัฏฐบริขารของเกจิดัง

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศพของหลวงพ่อด่วน อยู่ในสภาพคล้ายคนนอนหลับ มือทั้งสองข้างวางบนอก อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ผิวหนังบริเวณแขนมีรอยไหม้เพียงเล็กน้อย ลำตัวและใบหน้าไม่มีรอยไหม้ ส่วนจีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และทันทีที่พระสงฆ์และเจ้าหน้าที่เปลี่ยนจีวรผืนใหม่ให้แทน ประชาชนต่างฮือเข้าไปแย่งชิงจีวรผืนเก่ากันจำนวนมากเพื่อนำไปสักการบูชา หลังจากเปลี่ยนจีวรแล้วคณะลูกศิษย์ได้ยกศพหลวงพ่อขึ้นชูเหนือศีรษะเพื่อให้ ทุกคนได้เห็นกันชัดๆ จากนั้นคณะกรรมการวัดได้ประชุมร่วมกัน และมีมติให้เก็บสังขารหลวงพ่อไว้ในโลงแก้ว

           นายนิพนธ์ ลิ้มรักษา รองผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคระนอง ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อ กล่าวว่า ก่อนหลวงพ่อมรณภาพได้สั่งเสียไว้ว่าอย่าเผาเพราะกลัวร้อน ให้เก็บสังขารไว้ในโลงแก้วเพื่อให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาได้สักการบูชา แต่ทุกคนไม่เชื่อ กระทั่งเมื่อเผาไปได้สักพักใหญ่เห็นว่าไฟไม่ไหม้จึงตัดสินใจยุติการเผาในที่ สุด

           นายสมเพียร บั่นยี่เฉ่ง ชาวบ้านบางนอน กล่าวว่า เชื่อว่าเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อที่ได้ปฏิบัติธรรมมาอย่างเคร่ง ครัดยาวนาน ขณะที่กำลังเผาอยู่นั้นตนสังเกตอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าไฟไม่ไหม้ร่างของท่านแล้วจึงตะโกนให้เอาน้ำมาดับไฟทันที

           ด้านพระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาส กล่าวว่า คณะกรรมการวัดและศิษยานุศิษย์เห็นพ้องกันว่าควรเก็บสังขารของหลวงพ่อไว้ใน โลงแก้วตามความประสงค์ของหลวงพ่อ เพื่อให้ประชาชนได้กราบบูชาต่อไป

           อย่างไรก็ตาม ก่อนประกอบพิธีตลอดทั้งวันฝนได้ตกตลอดเวลา แต่เมื่อถึงเวลาทำพิธีพระราชทานเพลิงฝนได้หยุดตก กระทั่งในเวลา 21.00 น. ได้ประกอบพิธีประชุมเพลิง แต่เมื่อเผาแล้วปรากฏว่าไฟไม่ไหม้ศพ

           สำหรับพระครูประภัสรวิริยคุณ มรณภาพเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ด้วยอาการปอดติดเชื้อและโรคแทรกซ้อน ณ โรงพยาบาลระนอง สิริอายุรวม 90 ปี 69 พรรษา เกิดเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2460 ชื่อเดิม ด่วน ปรางสุวรรณ โยมพ่อชื่อนายแดง โยมมารดาชื่อนางปราง ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านท่าหิน ต.ท่าหิน อ.สะทิงพระ จ.สงขลา มีพี่น้องรวม 4 คน อุปสมบทเมื่อตอนอายุ 21 ปี อยู่วัดบางแก้ว อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และได้ออกธุดงค์ไปตามจังหวัดต่างๆ กระทั่งมาสร้างวัดบางนอน ขึ้นในปี 2502 เป็นต้นมา ขณะมีชีวิตอยู่ได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนาและประเทศชาติมาโดยตลอด อาทิ การก่อสร้างพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ จัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อทวด วัดบางนอน ซึ่งได้รับความนิยมจากเซียนพระจำนวนมาก นำรายได้มาสร้างอุโบสถและพระพุทธไสยาสน์จนแล้วเสร็จสมบูรณ์จวบจนถึงปัจจุบัน

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันหลังจากข่าวศพหลวงพ่อด่วน ไม่ไหม้ไฟแพร่สะพัดออกไป ประชาชนจำนวนมากได้เดินทางไปกราบไหว้สักการบูชาศพของหลวงพ่อที่วัดบางนอน พร้อมร่วมบริจาคเงินทำบุญเพื่อซื้อโลงแก้วสำหรับบรรจุศพ นอกจากนี้วัตถุมงคลที่ทางวัดจัดสร้างก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหลวงพ่อทวด มีประชาชนเช่าไปบูชาไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน

           พระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาสวัดวารีบรรพต กล่าวว่า ตั้งแต่ค่ำวันที่ 9 พ.ย. เป็นต้นไป จะมีพิธีสวดอภิธรรม เป็นเวลา 3 คืน จากนั้นจะนำศพหลวงพ่อบรรจุใส่โลงแก้วแล้วตั้งไว้ในวิหารพระพุทธไสยาสน์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนและผู้ที่เลื่อมใสศรัทธากราบนมัสการสักการบูชาต่อไป

ข่าว แปลก ฮือฮา พระ เกจิ ชื่อดังเผาไม่ไหม้!

หลัง จุดไฟเผา หลวงพ่อด่วน พระสงฆ์ เกจิดังเมืองระนอง นานครึ่งชั่วโมงปรากฏว่าไฟไม่ไหม้แม้แต่จีวร คณะศิษย์เตรียมบรรจุใส่โลงแก้วให้ประชาชนกราบไหว้ ลูกศิษย์ หลวงพ่อด่วน เผยก่อนมรณภาพ หลวงพ่อด่วน เคยสั่งไม่ให้เผาสังขารเพราะกลัวร้อน แปลกแต่จริง


           เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพิธีพระราชทานเพลิงศพพระครูประภัสรวิริยคุณ หรือหลวงพ่อด่วน ถามวโร อายุ 90 ปี 69 พรรษา พระเกจิชื่อดังของ จ.ระนอง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางนอน เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 8 พ.ย. ณ เมรุลอยวัดวารีบรรพต (วัดบางนอน) ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง มีนางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าฯระนอง เป็นประธานในพิธี มีพระราชรณังคมุณี เจ้าคณะจังหวัดระนอง พระสงฆ์ ข้าราชการ คณะศิษยานุศิษย์เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมากนั้น หลังจากที่นำศพของหลวงพ่อด่วนขึ้นเมรุลอยเพื่อประกอบพิธี เมื่อจุดไฟเผาศพแล้วใช้พัดลมเป่าเร่งเปลวไฟได้สักครู่ใหญ่ประมาณ 30 นาที ปรากฏว่าเปลวไฟไม่ได้เผาไหม้ศพของหลวงพ่อ แม้แต่จีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ท่ามกลางความตื่นตะลึงของบรรดาลูกศิษย์และผู้มาร่วมพิธีจำนวนมาก

           เมื่อเห็นดังนั้นคณะลูกศิษย์จึงตัดสินใจยุติการเผาโดยใช้น้ำราดดับไฟทันที จากนั้นนำเอาศพของหลวงพ่อใส่โลงนำไปตั้งไว้ในวิหารพระพุทธไสยาสน์ พร้อมทั้งเปลี่ยนจีวรให้กับศพของหลวงพ่อใหม่ ท่ามกลางเสียงฮือฮาของบรรดาลูกศิษย์ที่เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิระนองสงเคราะห์ได้เข้ามาควบคุม เหตุการณ์อย่างใกล้ชิด และกันไม่ให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ศพของหลวงพ่อ เพราะเกรงจะเกิดความวุ่นวายเข้าแย่งชิงจีวร และเครื่องอัฏฐบริขารของเกจิดัง

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศพของหลวงพ่อด่วน อยู่ในสภาพคล้ายคนนอนหลับ มือทั้งสองข้างวางบนอก อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ผิวหนังบริเวณแขนมีรอยไหม้เพียงเล็กน้อย ลำตัวและใบหน้าไม่มีรอยไหม้ ส่วนจีวรที่ห่มอยู่ก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และทันทีที่พระสงฆ์และเจ้าหน้าที่เปลี่ยนจีวรผืนใหม่ให้แทน ประชาชนต่างฮือเข้าไปแย่งชิงจีวรผืนเก่ากันจำนวนมากเพื่อนำไปสักการบูชา หลังจากเปลี่ยนจีวรแล้วคณะลูกศิษย์ได้ยกศพหลวงพ่อขึ้นชูเหนือศีรษะเพื่อให้ ทุกคนได้เห็นกันชัดๆ จากนั้นคณะกรรมการวัดได้ประชุมร่วมกัน และมีมติให้เก็บสังขารหลวงพ่อไว้ในโลงแก้ว

           นายนิพนธ์ ลิ้มรักษา รองผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคระนอง ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อ กล่าวว่า ก่อนหลวงพ่อมรณภาพได้สั่งเสียไว้ว่าอย่าเผาเพราะกลัวร้อน ให้เก็บสังขารไว้ในโลงแก้วเพื่อให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาได้สักการบูชา แต่ทุกคนไม่เชื่อ กระทั่งเมื่อเผาไปได้สักพักใหญ่เห็นว่าไฟไม่ไหม้จึงตัดสินใจยุติการเผาในที่ สุด

           นายสมเพียร บั่นยี่เฉ่ง ชาวบ้านบางนอน กล่าวว่า เชื่อว่าเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อที่ได้ปฏิบัติธรรมมาอย่างเคร่ง ครัดยาวนาน ขณะที่กำลังเผาอยู่นั้นตนสังเกตอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าไฟไม่ไหม้ร่างของท่านแล้วจึงตะโกนให้เอาน้ำมาดับไฟทันที

           ด้านพระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาส กล่าวว่า คณะกรรมการวัดและศิษยานุศิษย์เห็นพ้องกันว่าควรเก็บสังขารของหลวงพ่อไว้ใน โลงแก้วตามความประสงค์ของหลวงพ่อ เพื่อให้ประชาชนได้กราบบูชาต่อไป

           อย่างไรก็ตาม ก่อนประกอบพิธีตลอดทั้งวันฝนได้ตกตลอดเวลา แต่เมื่อถึงเวลาทำพิธีพระราชทานเพลิงฝนได้หยุดตก กระทั่งในเวลา 21.00 น. ได้ประกอบพิธีประชุมเพลิง แต่เมื่อเผาแล้วปรากฏว่าไฟไม่ไหม้ศพ

           สำหรับพระครูประภัสรวิริยคุณ มรณภาพเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ด้วยอาการปอดติดเชื้อและโรคแทรกซ้อน ณ โรงพยาบาลระนอง สิริอายุรวม 90 ปี 69 พรรษา เกิดเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2460 ชื่อเดิม ด่วน ปรางสุวรรณ โยมพ่อชื่อนายแดง โยมมารดาชื่อนางปราง ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านท่าหิน ต.ท่าหิน อ.สะทิงพระ จ.สงขลา มีพี่น้องรวม 4 คน อุปสมบทเมื่อตอนอายุ 21 ปี อยู่วัดบางแก้ว อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และได้ออกธุดงค์ไปตามจังหวัดต่างๆ กระทั่งมาสร้างวัดบางนอน ขึ้นในปี 2502 เป็นต้นมา ขณะมีชีวิตอยู่ได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนาและประเทศชาติมาโดยตลอด อาทิ การก่อสร้างพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ จัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อทวด วัดบางนอน ซึ่งได้รับความนิยมจากเซียนพระจำนวนมาก นำรายได้มาสร้างอุโบสถและพระพุทธไสยาสน์จนแล้วเสร็จสมบูรณ์จวบจนถึงปัจจุบัน

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันหลังจากข่าวศพหลวงพ่อด่วน ไม่ไหม้ไฟแพร่สะพัดออกไป ประชาชนจำนวนมากได้เดินทางไปกราบไหว้สักการบูชาศพของหลวงพ่อที่วัดบางนอน พร้อมร่วมบริจาคเงินทำบุญเพื่อซื้อโลงแก้วสำหรับบรรจุศพ นอกจากนี้วัตถุมงคลที่ทางวัดจัดสร้างก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหลวงพ่อทวด มีประชาชนเช่าไปบูชาไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน

           พระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาสวัดว

 
โดย : นานาลิโก    [Feedback +0 -0] [+0 -0]     [ 1 ] Sun 13, Apr 2014 15:16:05

 
ประมูล พิมพ์กลางรุ่นแรก หลวงพ่อด่วน วัดบางนอน ระนองเกจิดังมรณภาพเผาไม่ไหม้ : พระล้านนา.คอม เว็บ พระเครื่อง พระบูชา อันดับหนึ่ง ของภาคเหนือ ออกแบบเว็บไซต์โดย 2WinWeb design บริการรับทำเว็บไซต์
Copyright Pralanna.com All right reserved. © สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมายโดย บริษัท พระล้านนาดอทคอม จำกัด.