พระล้านนาดอทคอม แหล่งรวมพระเครื่องเมืองเหนือ
พระเครื่อง จ.ลำปาง

พระเจ้าทันใจสองพี่น้อง วัดกลางดอนไฟ อำเภอแม่ทะ ปี 15 รุ่นแรก

(ปิดการประมูลแล้ว)

 พระเจ้าทันใจสองพี่น้อง วัดกลางดอนไฟ อำเภอแม่ทะ ปี 15  รุ่นแรก


 พระเจ้าทันใจสองพี่น้อง วัดกลางดอนไฟ อำเภอแม่ทะ ปี 15  รุ่นแรก

ชื่อพระ :
  พระเจ้าทันใจสองพี่น้อง วัดกลางดอนไฟ อำเภอแม่ทะ ปี 15 รุ่นแรก
รายละเอียด :
 

ตำนานประวัติ พระเจ้าทันใจสองพี่น้อง วัดกลางดอนไฟ อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง

              ตามตำนานกล่าวว่ามี ลั๊วะ 3 พี่น้องๆ  (เป็นชนกลุ่มหนึ่ง ลักษณะคล้ายกับชาวเขา) ได้อพยพครอบครัวลงมาจากทางทิศเหนือมาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ที่ปงม่อนอม แจ้ง ดอนกลาง (กลางทุ่ง) และดอนเปียน ลั๊วะ 3 คนพี่น้อง  มีความขยันหมั่นเพียรในการกสิกรรมทำไร่ทำนา และทำสวน  ต่อมาอีกไม่นานก็ได้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีทั้ง 3 คน ภายหลังมาชาวบ้านทั้งหลายพากันเรียกว่า “เศรษฐี 3 ตระกูล” คือ
- เศรษฐีตระกูลบ้านปงม่อนจ๋อมแจ้ง (ปัจจุบันบ้านปงม่อนจ๋อมแจ้งคงเหลือแต่ซากกระเบื้อง และกองอิฐเจดีย์ที่พังไปแล้วตามสภาพ)
- เศรษฐีตระกูลบ้านม่อนดอนกลาง (ในอดีตเป็นวัดพระเจ้าทันใจ แต่ในปัจจุบันนี้เหลือแต่ต้นโพธิ์และโบสถ์ร้างอยู่กลางทุ่งท้ายหมู่บ้าน)
- เศรษฐีตระกูลบ้านม่อนดอนเปียง ( ในปัจจุบันนี้ คงยังเหลือ มีแต่ภูเขาสถานที่เดิมเท่านั้น )
 
เศรษฐี แต่ละคน ต่างก็มีลูกบ้าน หรือประชากรชาวบ้าน คนละ หนึ่งร้อยหลังคาเรือนเป็นบริวาร  และในวันหนึ่งมีองค์ฤาษี  2 พี่น้องอยู่บำเพ็ญพรตปฏิบัติธรรม  อยูบนภูเขา หรือที่ดอยกิ่วพระฤาษี  (ปัจจุบันนี้ดอยกิ่วพระฤาษี มีหน้าผาที่สูงชัน มีทัศนียภาพที่สวยงามมาก ด้านล่างจดกับลำห้วยแม่สะเปา ใต้หน้าผานี้ ต่างก็เล่ากันว่ามีถ้ำอยู่ใต้หน้าผา ) ได้ออกมารับบิณฑบาตที่บ้านของท่านเศรษฐีทั้ง 3 ท่านๆ ต่างมีความยินดีที่ได้เห็นผู้มีศีลได้มาโปรดถึงในบ้าน จึงได้ช่วยกันจัดหาอาหารมาใส่บาตร  แก่องค์ฤาษีทั้ง  2 องค์ นั้นด้วยความศรัทธาและเคารพยิ่ง ในวันต่อมาท่านเศรษฐีทั้ง 3 มี ได้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง ต่างก็มีความคิดเห็นตรงกันว่าอยากจะสร้างพระพุทธรูปคนละ 1 องค์เพื่อสืบอายุและทนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป จึงได้ประชุมปรึกษาหารือกันว่า จะไปเอานายช่างทองที่ไหนมาหล่อพระพุทธรูปทั้ง  3 องค์นั้น  ในขณะนั้นยังมีนายพรานป่าคนหนึ่ง (ในตำนานไม่ปรากฏชื่อไว้) ได้เดินทางออกจากบ้านเพื่อแสวงหาล่าเนื้อได้เดินทางมาทางป่า ถึงเมืองพิจิกคต (เมืองพิจิตในปัจจุบัน) อยู่ทางทิศใต้ได้ติดตามรอยกวางทะลายคำ (เนื้อทราย) มาถึงน้ำจำ (ตาน้ำ) แห่งหนึ่งซึ่งสัตว์ป่าทั้งหลายจะพากันลงมากินน้ำเป็นฝูงๆ และนายพรานป่าก็สะกดรอยตามสัตว์ป่า ไปทางทิศตะวันออกก็ไปพบต้นไทรใหญ่ ซึ่งเป็นบริเวณเขตบ้านของท่านเศรษฐี นายพรานป่าได้วางอาวุธแล้วเข้าไป สู่บ้าน ซึ่งท่านเศรษฐีทั้ง 3  ก็กำลังได้ประชุมกันอยู่ เมื่อเห็นนายพรานป่าเข้ามาสู่ที่ประชุม เศรษฐีทั้ง 3 ก็มีความยินดีช่วยกันต้อนรับตามสมควรแก่ฐานะ แล้วจึงมีวาจางามถามว่า ท่านนายพรานป่าท่านมาจากที่ไหน นายพรานป่าจึงตอบว่าดูก่อน ท่านเศรษฐีทั้ง 3 ที่นับถือ ข้าพเจ้ามาจากเมืองพิจิกคตโน้น ไกลมากทีเดียว ข้าพเจ้าได้เดินทางติดตามรอยสัตว์ป่ามาจนถึงบ้านของท่านในเวลานี้ ท่านเศรษฐีจึงตอบว่าดีแล้วที่ท่านมาถึงบ้านเราซึ่งกำลังประชุมกันว่า จะไปหานายช่างทองมาหล่อพระพุทธรูปแต่ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะไปหาที่ไหนโอกาสดี ที่ท่านนายพรานป่ามาที่นี้ก็นับว่า เป็นอาคันตุกะแขกมงคลเลยทีเดียว หวังว่าทางบ้านของท่านคงจะมีนายช่างผู้ชำนาญการทำการหล่อพระพุทธรูปได้สวยงด งามประณีตพอจะหาได้หรือไม่ นายพรานป่าตอบว่า ดูก่อนท่านเศรษฐีทั้ง 3 ข้าพเจ้ามีอาชีพเป็นนายพรานป่ามาแต่เล็กแต่น้อยจนถึงปัจจุบันยังไม่ทราบว่า นายช่างทองหล่อพระพุทธรูปมีแห่งหนตำบลใดบ้าง และยังไม่รู้เลยแต่ก็ไม่เป็นไร เมื่อเป็นความประสงค์ศรัทธาสามัคคีของท่านเศรษฐีทั้ง 3 ข้าพเจ้าจะไปติดต่อสอบถามหานายช่างทองให้ เมื่อพบแล้วจะนำข่าวมา บอกให้ถึงบ้านท่านเศรษฐีทั้ง 3 คน ภายในเร็ววัน แล้วนายพรานป่าก็ลาท่านเศรษฐีทั้ง 3 กลับไปบ้านของตนเอง พอถึงบ้านก็เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเสียใหม่เรียบร้อยแล้วก็ออกจากบ้านติดต่อ สอบถามไปเรื่อยๆ จนไปพบบ้านนายช่างทองๆ ก็ออกมาต้อนรับด้วยความยินดีแล้วกล่าวว่าดูก่อนนายพรานป่าแต่ก่อนท่านก็มี อาชีพเป็นพรานป่ามิใช่หรือท่านคิดได้อย่างไรถึงได้ละอาชีพพรานป่าแล้วมาหา เราดังนี้เมื่อนายพรานป่าได้ยินคำถามของนายช่างทองดังนั้นจึงเล่าลำดับความ ตั้งแต่ต้นจนถึงปลายโดยตลอดกลับมาสู่บ้านแล้วละเพศเครื่องแต่งตัวอันเป็นนาย พรานป่าเสียแล้วก็ออกเดินทางมาบ้านของนายช่างทองและมาพบบ้านของนายช่างทองใน เวลานี้มีความประสงค์เพื่อที่จะมาหาท่านนายช่างทองให้ไปหล่อพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ของท่านเศรษฐีทั้ง 3 คน  ตามสัญญา นายช่างทองก็รับคำนั้นด้วยความยินดีแล้วก็เตรียมเครื่องมือ พร้อมเสบียงอาหารในการเดินทางพร้อมแล้วก็พักผ่อนสบายดีแล้วจึงยกข้าวปลา อาหารออกมาต้อนรับนายพรานป่าแล้วนายพรานป่า ก็นอนหลับพักผ่อนที่บ้านของนายช่างทอง 1 คืน พอรุ่งเช้ากินข้าวเช้าแล้วก็พร้อมกันออกเดินทางจากเมืองพิจิกคต ใช้เวลาเดินทางมาตามป่าเป็นเวลานาน 1 เดือน ก็ได้เดินทางมาถึงดอนกลางพอดี เมื่อท่านเศรษฐีทั้ง 3 คน เห็น
นายพรานป่าได้นำนายช่างทองมาถึงบ้านตาม สัญญาที่ให้ไว้ก็มีความปิติยินดีพูดจาต้อนรับปราศรัยถามทุกข์สุขในการเดิน ทางพอสมควรแล้ว วันที่นายช่างทองและนายพรานป่าเดินทางมาถึงดอนกลางนี้เป็นวันจันทร์ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 8 เหนือ (ราวเดือนพฤษภาคม) ในราวพุทธศักราช 1500 สมัยเชียงแสน (พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก) นายช่างทองจากเมืองพิจิกได้เริ่มปั้นเบ้าแบบพิมพ์ (ได้เริ่มสร้างหุ่นพระพุทธรูปเจ้าทันใจ) มีพุทธลักษณะ ใหญ่น้อยตามลำดับดังนี้
องค์ที่ 1 หน้าตักกว้าง  18 นิ้ว ส่วนสูง   26 นิ้ว องค์นี้ท่านเศรษฐีบ้านม่อนจ๋อมแจ้ง เป็นเจ้าศรัทธาหล่อ
องค์ที่ 2 หน้าตักกว้าง  20 นิ้ว ส่วนสูง  29 นิ้ว ครึ่ง  องค์นี้ท่านเศรษฐีบ้านม่อนดอนกลางเป็นเจ้าศรัทธาหล่อ
องค์ที่ 3 หน้าตักกว้าง   9 นิ้ว ส่วนสูง 19 นิ้ว องค์นี้ท่านเศรษฐีบ้านม่อนดอนเปียนเป็นเจ้าศรัทธาหล่อ
คางคกที่ติดตาม สูง 5 นิ้ว ครึ่ง  กว้าง  5 นิ้ว  ลำตัวยาว  8 นิ้ว
เมื่อ นายช่างทองปั้นเบ้าแบบพิมพ์เสร็จแล้วในวันนั้นเป็นวันพฤหัสบดีขึ้น  4 ค่ำ เดือน 8 เหนือ ได้ฤกษ์งามยามดีนายช่างทองได้ทำการหล่อพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง 3 องค์นั้นจนหมดทองที่ ท่านเศรษฐีทั้ง 3 คน มีอยู่แต่ยังไม่สำเร็จ ยังขาดเหลือจิกโมลี (พระโมลี) เมื่อนั้นท่านเศรษฐีทั้ง 3 คน จึงได้ประกาศไปทั่วบ้านทั่วเมือง ให้ท่านศรัทธาสาธุชนที่มีจิตศรัทธาได้ร่วมกันบริจาคทองว่าดังนี้ ดูก่อนท่านทั้งหลายบัดนี้เราทั้ง 3 คนได้ร่วมกันหล่อพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง 3 องค์นั้น เพื่อไว้เป็นที่สักการะบูชากราบไหว้ และสืบทอดอายุพระศาสนา เวลานี้ทองที่มีอยู่ก็หมดแล้ว  ท่านผู้ใดที่มีทองก็ขอให้นำเอามาร่วมกันหล่อจิกโมลีของพระพุทธรูปเจ้าทันใจ ทั้ง 3 องค์นั้นเถิดข่าวอันนี้ได้ลือชา ปรากฏไปทั่วทุกสารทิศ ได้ยินไปถึงหูของนางแม่ม่ายคนหนึ่งซึ่งมีนามว่า “ย่าเท็ก” อยู่ที่ตำบลหัวเสือ ในปัจจุบัน ย่าเท็กนั้นเป็นคนยากจน เมื่อได้ทราบข่าวการงานบุญอันนี้นางก็มีความปีติยินดีในหัวใจอยากจะร่วมหล่อ พระพุทธรูปเจ้าทันใจกับท่านเศรษฐีทั้ง 3 คนนั้น และในวันหนึ่งนางก็มาคิดอยู่ในใจว่า ตัวกูเกิดมาในชาตินี้เป็นคนอาภัพเข็นใจหาทรัพย์ สมบัติอันใดก็ไม่ได้ แม้แต่ข้าวปลาอาหาร จะกินแต่ละมื้อก็ไม่มี คิดแล้วนางก็เกิดความน้อยใจในโชควาสนาดวงชะตาที่เกิดมายากจน ก็ร้องให้หนีออกจากบ้านไปแสวงหาขอทองกับพี่น้องชาวบ้านในที่สุดก็หมดหวัง ขอไม่ได้สักแห่งก็ร้องให้กลับมาสู่บ้านของตนเอง นางจึงตั้งสัจจะอธิฐานว่าดูก่อนเทพยดาพระอินทร์จงมาดลบันดาลกรุณาโปรดคนยาก ไร้เข็ญใจ อันแสวงหาข้าวของและทองเพื่อที่จะเอาไปร่วมหล่อพระพุทธรูปเจ้าทันใจกับท่าน เศรษฐีทั้ง 3 คน ขอเทพบุตร เทพยดาทั้งหลายจงดลบันดาลมาโปรดคนยากไร้เข็ญใจด้วยเถิด ณ บัดนั้นด้วยแรงสัจจะอธิษฐานแท่นหินปัณฑุกรรมศิลาอาสน์ของพระอินทร์ซึ่งเคย อ่อนนุ่มนิ่ม ก็มาแข็งกระด้าง ก็ประหลาดใจ พระองค์จึงส่องทิพย์เนตรลงดูก็รู้ว่านางแม่หม้าย ย่าเท็ก ผู้ยากไร้เข็ญใจอยากได้ทองเพื่อนำเอาไปร่วมท่านเศรษฐีหล่อจิกพระโมลีพระพุทธ รูปเจ้าทันใจทั้ง 3 องค์ นั้นในกาลบัดนั้น เมื่อพระอินทร์ท่านทราบความต้องการของนางแม่หม้ายโดยตลอดแล้วจึงได้ใช้ให้ ท้าววิษณุกรรมเทพบุตรนำเอาทองสัมฤทธิ์ (ทองทิพย์) แท่งหนึ่งลงมาไว้ยังปงแห่งหนึ่ง (ที่ราบบนฝั่งแม่น้ำ) แล้วท้าววิษณุกรรมก็กลับไปอยู่ที่อยู่ของตนเองในวันรุ่งขึ้นย่าเท็ก ก็มาถูกเทวดาบันดลหัวใจให้นางแม่หม้ายมีความอยากได้ทองเป็นกำลังทุกลมหายใจ เข้าออกเมื่อนางกินข้าวเช้าให้อิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ได้เดินทาง ออกจากบ้านแสวงหาขอทองไปตามลำดับทาง โดยตลอดจนแนวทางมาถึงปงแห่งหนึ่งนางก็มามองเห็นทองโดยบังเอิญซึ่งงอกพ้นออก มาจากแผ่นดิน นางก็มีความยินดีมากเหลือคณานับรีบวิ่งเข้าไปยกเอาทองทิพย์นั้นขึ้นทูนหัว แล้วรีบวิ่งนำไปให้ท่านเศรษฐีทั้ง 3  คน สมตามความมุ่งมาตรปรารถนาทันใจทุกประการ เมื่อท่านเศรษฐีทั้ง 3 คน ได้ทองจากนางแม่หม้ายแล้ว ก็มีความยินดีเป็นที่สุดก็นำเอาทองแท่งนั้นมาให้นายช่างทองหล่อทำเป็นจิก โมลีของพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง 3 องค์นั้น ก็สำเร็จบริบูรณ์ดีทุกประการ นายช่างทองก็มาแกะแม่พิมพ์ออกปรากฏว่า ปลายจิกโมลีของพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง 3 องค์นั้นต่างก็คตงอเอียงไปคนละทิศละทางไม่ตรงเสมอกัน ซึ่งก็หมายความว่าเป็นปริศนาให้ทราบภายหลังว่า นายช่างทองที่มาทำการหล่อพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์นั้นเป็นคนมาจากเมืองพิจิกคต  ส่วนปงที่ราบบนฝั่งน้ำที่นางแม่หม้ายย่าเท็ก ได้พบทอง ทีหลังมาคนทั้งหลายเรียกว่า (นาปงทอง) เมื่อหล่อพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง 3 องค์เสร็จเรียบร้อยท่านเศรษฐี ทั้ง 3 จึงได้ร่วมกันประชุมจัดงานเฉลิมฉลองสมโภช  องค์พระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง  3 องค์เพื่อสืบอายุพระศาสนาตลอด 5,000 พระพรรษาจัดงานสมโภชนานได้ 7 วัน 7 คืนพอถึงวันเดือน 8 เหนือขึ้น 14 ค่ำ ก็มีพระอรหันต์ 2 รูปดังต่อไปนี้ คือ รูปที่ 1 ชื่อว่า”โสณะ” รูปที่ 2 ชื่อว่า”อุตตระ” ได้นำเอาพระสารีริกธาตุมาจากเมืองกุสินารา แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหาะมาทางอากาศมาถึงดอนกลาง พระอรหันต์ทั้ง  2 รูป ก็ได้เรียกเอาพระยากุมภัณฑ์ (ยักษ์) เข้ามาหาแล้วกล่าวว่าดูก่อนท่านพระยากุมภัณฑ์ บัดนี้เราทั้ง 2 ได้นำเอาพระสารีริกธาตุมาถึงที่นี้ขอให้ท่านจงตีทองคำ ให้เป็นเรือคำ (เรือทองคำ) มานำเอาพระสารีริกธาตุไปบรรจุไว้ในองค์พระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง 3 องค์ พระยากุมภัณฑ์ ก็ได้ปฏิบัติตามคำของพระอรหันต์ทุกประการต่อมาพระอินทร์ก็ได้นำเอามายังอุป แก้วผลึก (หับแก้วผลึกมีหูหิ้ว) และฆ้องคำมาไว้สำหรับตีบูชาพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง 3 องค์นั้นเมื่อพระยากุมภัณฑ์ทำสำเภาสำเร็จแล้วก็ถ่อแล่นมารับเอาพระ สารีริกธาตุแล้วนำไปใส่ไว้ในอุปแก้วผลึกของพระอินทร์พร้อมกันนั้นก็เอาเข้า ไปบรรจุไว้ในพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง 3 องค์ ในเวลานั้นเศรษฐีทั้ง 3 ท่านได้เสียสละข้าวของคนละ 1 โกฏิ เพื่อไว้บูชาพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง 3 องค์ พอถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 เหนือ พระบรมสารีริกธาตุก็แผ่แสงรัศมีรังสีให้คนทั้งหลายได้เห็นโดยทั่วกันพอวัน รุ่งเช้าของวันใหม่พระอรหันต์ทั้ง2รูปก็กลับคืนไปสู่ยังเมืองกุสินาราตาม เดิมต่อมาเศรษฐีทั้ง  3 คน ก็ร่วมพากันสร้างวิหารอีก1 หลังมีกำแพงล้อมรอบวิหารด้วยตลอดเสร็จแล้วจึงได้อาราธนาอัญเชิญพระพุทธรูป เจ้าทันใจทั้ง 3 องค์  นั้นเข้าไปประดิษฐานไว้ในวิหารหลังนั้นตลอดมาและได้ชื่อว่า“วัดม่อนดอนขวาง สามเงา” (วัดกลางทุ่งในปัจจุบัน)  ต่อมาวัดม่อนดอนขวางได้รับการอุปถัมภ์บำรุงจากท่านเศรษฐีทั้ง 3 ซึ่งเป็นผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมในในบวรพุทธศาสนาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงทำให้ วัดมีความเจริญรุ่งเรืองตามลำดับไปจนสิ้นอายุและหมดสมัยของท่านเศรษฐีทั้ง สามก็มีเมืองเล็กเมืองน้อยเกิดขึ้นมาอพยพขยายแผ่กว้างออกไปและเวลาก็ล่วงโรย มาอีกปีหลายชั่วอายุคนวัดม่อนดอนขวางก็ขาดผู้ดูแลอุปถัมภ์บำรุงเพราะผู้คน โยกย้ายถิ่นฐานบ้านเรือนห่างไกลวัดออกไปเรื่อยๆอีกหลายปีต่อมาก็เป็นวัดร้าง เมื่อปีใดเกิดบ้านเมืองแห้งแล้งฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาลเจ้าหลวงนครลำปางมัก จะใช้ให้คนมาหามเอาพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง 3 องค์ไปไว้ในเมืองโดยไม่ได้อาราธนาอัญเชิญแต่อย่างใดบ่อยครั้งเข้าพระพุทธรูป เจ้าทันใจพี่ใหญ่จึงแสดงปาฎิหาริย์ให้เหมือนกับว่ามีรอยช้างมาเหยียบให้แบน ทั้งองค์หลังจากนั้นมาอีกหลายปีเกิดสงครามพม่าผู้คนชาวบ้านพากันหลบซ่อนตัว หนีภัยสงครามออกไปอยู่ตามป่าตามเขาหมดมีพลเมืองดีห่วงใยในของโบราณวัตถุจะ ถูกทำลายและสูญหายจึงได้ช่วยกันนำเอาพระพุทธรูปเจ้าทันใจและของโบราณอีกหลาย ชนิดนำไปเก็บรักษาไว้ในถ้ำใกล้บ้านแม่ออก (โยมอุปถัมภ์)ย่าเท็กที่ตำบลหัวเสือในปัจจุบันถ้าปีไหนฝนฟ้าแล้งชาวตำบลหัว เสือก็จะมาอาราธนาอัญเชิญพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง3องค์ออกไปอบรมสมโภชแห่ แล้วได้นำเอาฆ้องออกมาจากถ้ำมาตีบูชาพระพุทธรูปเจ้าทันใจฝนก็ตกลงมาอย่างน่า อัศจรรย์ทุกครั้งและเจ้าหลวงนครคนต่อมาก็มีความเคารพหวงแหนกราบไหว้ปีใดฟ้า ฝนแล้งก็บอกมายังท่านกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลหัวเสือดอนไฟได้นำเอาพระพุทธรูป เจ้าทันใจทั้ง3องค์ไปร่วมแห่สมโภชที่ในเมืองเพื่อขอฝนๆและก็ได้ทันใจสม ปรารถนาทุกครั้งตลอดมาต่อมาอีกหลายปีก็มีโจรผู้ร้ายชุกชุมทางท่านเจ้าคณะ ตำบลดอนไฟชื่อว่า“ท่านครูบาวงศ์”ได้นำเอาพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง  2 พี่น้องมาเก็บรักษาไว้ที่วัดดอนไฟตั้งแต่บัดนั้นมาส่วนองค์พี่ใหญ่ไม่สม ประกอบฐานเสริมด้วยไม้สักและพอกด้วยปูนรอบองค์จนไม่มีใครทราบว่าข้างในเป็น ทองเมื่อรื้อวิหารหลังเก่าบูรณะซ่อมแซมใหม่จึงได้พบว่าเป็นพระพุทธรูปทอง สัมฤทธิ์และสันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปเจ้าทันใจองค์พี่ใหญ่ก็อาจเป็นได้ เพราะมีพุทธลักษณะสง่างามคล้ายกันทุกประการ
แต่ที่น่าแปลกไปกว่านั้นก็ คือจะมีตัวคางคกซึ่งทำมาจากเนื้อกระเบื้องโบราณ น้ำหนักประมาณได้1กิโลกรัมและที่ปากยังคาบแก้วอีกหนึ่งลูก ได้ติดตามเป็นบริวารมากับพระพุทธรูปเจ้าทันใจมาโดยตลอดซึ่งก็ไม่มีใครทราบ ได้ว่าตัวคางคกนี้มีตำนานมาว่าอย่างไรบ้างแต่ก็สันนิฐานว่าในสมัยนั้นก่อนคง จะมีการอัญเชิญพระพุทธรูปเจ้าทันใจ นำไปแห่ขอฝนบ่อยครั้งมาก ซึ่งก็คงจะมีใครดลบันดาลให้มาช่วยทำให้ฝนตกก็เป็นได้ และอาจจะเป็นสัญญาลักษณ์ของการขอฝน ทั้งนี้ก็แล้วแต่การพิจารณาของแต่ละท่านก็แล้วกัน ฯ

.......................................................................................
ประวัติโยสังเขปของพระพุทธรูปเจ้าทันใจก็มีเพียงเท่านี้
*ต้นฉบับจากคัมภีร์ใบลานภาษาล้านนาเมืองเหนือ

 
ราคาเปิดประมูล :
 50 บาท
ราคาสูงสุด ขณะนี้ :
 500 บาท
ราคาที่ต้องเพิ่มขึ้น ขั้นต่ำ :
 100 บาท

เงื่อนไขการรับประกัน :
 รับประกันความพอใจ 3 วัน นับแต่วัน ที่ท่านได้รับสินค้าทางไปรษณีย์

ผู้ตั้งประมูล :
 chondan jamroon
ที่อยู่ :
 170 หมู่ที่ 2 ต.บ้านกาศ อ.สูงเม่น จ.แพร่ 54130 ประเทศไทย

เบอร์โทรติดต่อ :
  0860458348, 0860458348
E-mail :
 chon_dan@windowslive.com

ชื่อบัญชี :
 นายชนแดน จำรูญ
เลขที่ บัญชี :
 1164372599
ประเภท บัญชี :
 ออมทรัพย์
ธนาคาร :
 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
สาขา :
 บางลำพู

วันที่ :
 Sat 15, Dec 2012 14:16:16
โดย : chondan    [Feedback +10 -0] [+5 -0]   Sat 15, Dec 2012 14:16:16
 
 

ส่งเหรียญพระเจ้าทันใจ ปี 15  ให้คุณเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555  พระจะถึงวันอังคารนี้  ไม่เกิน 4 โมงเย็น     EMS   ณ ที่ทำการไปรษณีย์ราชดำเนิน ขอบคุณมากๆ ครับ  

จากทนายชนแดน เด็กแพร่

รายละเอียด ตามใบรับเงิน ของไปรษณีย์ข้างต้นนี้  ตรวจสอบได้ครับ

 
โดย : chondan    [Feedback +10 -0] [+5 -0]     [ 4 ] Sun 16, Dec 2012 11:43:02









 
 
โดย : chondan    [Feedback +10 -0] [+5 -0]     [ 3 ] Sun 16, Dec 2012 11:32:06









 

ปิดนอกเว็บเรียบร้อยครับ 99999.- บาท  นิมนต์กลับบ้านเก่าแล้วครับ

โอกาสหน้าเจอกันใหม่ครับ  ขอบคุณมากๆ  ครับ

 
โดย : chondan    [Feedback +10 -0] [+5 -0]     [ 2 ] Sun 16, Dec 2012 03:09:20

 
 
ราคาประมูล : 500 บาท
 
โดย : ekkawat    [Feedback +4 -0] [+0 -0]     [ 1 ] Sat 15, Dec 2012 20:38:41

 
ประมูล พระเจ้าทันใจสองพี่น้อง วัดกลางดอนไฟ อำเภอแม่ทะ ปี 15 รุ่นแรก : พระล้านนา.คอม เว็บ พระเครื่อง พระบูชา อันดับหนึ่ง ของภาคเหนือ ออกแบบเว็บไซต์โดย 2WinWeb design บริการรับทำเว็บไซต์
Copyright Pralanna.com All right reserved. © สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมายโดย บริษัท พระล้านนาดอทคอม จำกัด.