พระล้านนาดอทคอม แหล่งรวมพระเครื่องเมืองเหนือ
โชว์พระเกจิอาจารย์ล้านนา

----------->>>เมืองพะเยาจะขาด............ไม่ได้


----------->>>เมืองพะเยาจะขาด............ไม่ได้


----------->>>เมืองพะเยาจะขาด............ไม่ได้

   
  แดดก็บ่ฮ้อน ฝนก็บ่ฮำ จักให้แดดก็แดด จักให้บดก็บด จึงได้พระนามว่า  _ พญางำเมือง _  
     
โดย : maiglinthoob   [Feedback +15 -0] [+0 -0]   Tue 5, Jan 2010 11:30:35
 








 
 

พ่อขุนงำเมือง เป็นราชโอรสของพ่อขุนมิ่งเมือง ประสูติ เมื่อปี พ.ศ. 1781 (จ.ศ. 600) เดือน 6 ขึ้น 15 ค่ำ เมื่อพระชนมายุได้ 14 พรรษา ได้ไปศึกษาเล่าเรียน ศึกษาศาสตร์เพท ในสำนักอิสติน อยู่ภูเขาดอยด้วน เรียนอยู่ 2 ปี ครั้นพระชนมายุได้ 16 พรรษา ได้ไปศึกษาศิลปศาสตร์ ในสำนักสุกทันตฤกษ์ กรุงละโว้ (ลพบุรี) เป็นศิษย์ร่วม สำนักเดียวกับ พ่อขุนเม็งรายมหาราช และ พ่อขุนรามคำแหง พระร่วงเจ้าแห่งกรุงสุโขทัย จึงสนิทสนมร่วมผูกไมตรี เป็นพระสหายตั้งแต่นั้นมา

ปี พ.ศ. 1801 (จ.ศ. 620) พ่อขุนมิ่งเมืองสิ้นพระชนม์ จึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแทน พ่อขุนงำเมือง เป็นผู้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีอิทธิฤทธิ์มาก เมื่อพระองค์เสด็จ ไปทางไหน "แดดก้บ่อฮ้อน ฝนก็บ่ฮำ จักให้บดก็บด จักให้แดดก็แดด" จึงได้รับ พระนามว่า "งำเมือง" นอกจากนั้น พระองค์มีพระทัยหนักแน่นในศิลธรรม มีพระราชศรัทธา เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ไม่ชอบทำสงคราม ทรงดำเนินพระราโชบาย การปกครองบ้านเมือง ด้วยความเที่ยงธรรม พยายาม ผูกไมตรีจิตต่อเจ้าประเทศราชที่มีอำนาจเหนือคน เพื่อหลีกเลี่ยงภัยสงครามแม้กระนั้น ก็ยังถูกพ่อขุนเม็งรายยกกองทัพมาตี เมื่อปี พ.ศ. 1805 แต่ในที่สุดพ่อขุนงำเมือง ก็ยอมยกเมืองปลายแดน คือ เมืองพาน เมืองเชียงเคี่ยน เมืองเทิง เมืองเชียงของ ให้แก่พ่อขุนเม็งราย ด้วยหวังผูกไมตรีต่อกันและคิดว่าภายภาคหน้าจะขอคืน

พ่อขุนงำเมือง ทรงเป็นกษัตริย์ ที่ทรงทศพิธราชธรรมและมีเมตตาเป็นที่ประจักษ์ ดังเช่น เหตุการณ์ ในประวัติศาสตร์กล่าวถึง พ่อขุนรามคำแหง พระสหาย ได้เสด็จไปมาหาสู่กัน เสมอมิได้ขาด จนเส้นทางที่เสด็จผ่านเป็นร่องลึกเรียกว่า แม่ร่องช้าง ในปัจจุบัน พระร่วงเจ้าเสด็จมาเมืองพะเยา ทรงเห็นพระนางอั้วเชียงแสน พระชายา พ่อขุนงำเมือง มีรูปโฉมอันงามยิ่ง ก็บังเกิดปฏิพัทธิ์รักใคร่ และพระนาง ก็มีจิตปฏิพัทธ์เช่นกัน จึงได้ลักลอบปลอมแปลงพระองค์คล้ายกับพ่อขุนงำเมือง เข้าสู่ห้องบรรทมพระนางอั้วเชียงแสน พ่อขุนงำเมืองทราบเหตุ และสั่งให้อำมาตย์ ไพร่พล ทหารตามจับพระร่วงเจ้า นำไปขังได้และมีราชสาส์นเชิญพ่อขุนเม็งราย ผู้เป็นสหายมาพิจารณาเหตุการณ์ พ่อขุนเม็งรายทรงไกล่เกลี่ย ให้ทั้งสองพระองค ์เป็นมิตรไมตรีต่อกันดังเดิม โดยขอให้พระร่วงเจ้าขอขมาโทษ พ่อขุนงำเมือง ด้วยเบี้ยเก้าลุนทอง คือ เก้าแสนเก้าหมื่นเบี้ย เพื่อกำชับพระราชไมตรีต่อกันยิ่งกว่าเก่า กษัตริย์ทั้ง 3 พระองค์ได้ตั้งสัตยาธิษฐานต่อกัน ณ ริมฝั่งแม่น้ำขนภู แม่น้ำแห่งนี้จึงเรียกชื่อภายหลังว่า "แม่น้ำอิง"

หลังจากนั้น เมื่อพ่อขุนเม็งรายทรงสร้างเมืองเชียงใหม่ ได้เชิญพ่อขุนงำเมือง และพระร่วงเจ้า ร่วมพิจารณาสร้างเมือง เมื่อสร้างเมืองเสร็จแล้ว พ่อขุนงำเมือง เสด็จกลับ โดยพ่อขุนเม็งรายทรงมอบผอบมณีรัตนะ อันเป็นสมบัติต้นวงศ์ แห่งลาวลังกราช และทรงเวนคืนเมืองพาน เมืองเชียงเคี่ยน เมืองเทิงให้และพระราชทานกุลสตรีให้อีกนางหนึ่ง ฝ่ายพระนางอั้วเชียงแสน ทรงทราบว่า พระราชสวามี มีพระชายาใหม่ ก็มีพระทัยโทมนัสยิ่ง รับสั่งให้เสนาอำมาตย์ จัดแจงม้าพระที่นั่ง เสด็จออกติดตามพระสวามี หมายจักประหารพระชายาใหม่ ให้สิ้นพระชนม์ แต่พระนางก็สิ้นพระชนม์เสียกลางทาง ด้วยเหตุพระทัยแตก พ่อขุนงำเมืองทรงทราบด้วยความสลดพระทัยยิ่ง จัดพระราชทานเพลิงศพ พระนางอั้วเชียงแสนตามประเพณี ต่อมาได้มอบราชกิจต่างๆ ในการปกครองบ้านเมืองให้พญาคำแดงราชบุตร แล้วเสด็จไปประทับพักผ่อนที่เมืองงาว ปี พ.ศ. 1841 พ่อขุนงำเมืองก็สิ้นพระชนม์ รวมพระชนม์มายุได้ 60 พรรษา

 
 
โดย : maiglinthoob    [Feedback +15 -0] [+0 -0]   [ 1 ] Tue 5, Jan 2010 11:42:12

 

ยอดมาก...นายเกิดมาเพื่อสิ่งนี้

 

ชื่อบ้านถิ่นพะเยา ชื่อนั้นสำคัญฉะนี้

 

                ในยุคพระยางำเมือง เรืองอำนาจในอาณาจักรภูกามยาว โดยมีอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกันอีกสองอาณาจักรคือ อาณาจักรล้านนา มีพญาเม็งรายเป็นผู้ครองนคร และอาณาจักรสุโขทัย มีพระยาร่วง(รามคำแหง)เป็นเจ้าเหนือชีวิต  ทั้งสามเป็นพระสหายกัน เมื่อครั้งยังเป็นพระราชกุมารศึกษาเล่าเรียนศิลปะฝึกฝนวิทยายุทธ์ ณ สำนักสุกทันตฤษี เมืองละโว้ ความสัมพันธ์ของทั้งสามกษัตริย์ก็ยังคงสนิทเหนียวแน่นอยู่เหมือนเดิม             ทั้งสามพระสหายจึงนัดหมายกันกระทำสัจจปฎิญาณ ร่วมสาบานเป็นมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน ณ ริมฝั่งแม่น้ำสายตา ในเขตอาณาจักรภูกามยาว โดยทรงกระทำพิธีกรรมสัตยาบันต่อกัน ทุกพระองค์กรีดข้อพระหัตถ์ให้เลือดหยดลงในภาชนะแล้วนำมาผสมกับน้ำดื่ม ในขณะที่ทุกพระองค์นั่งเอาหลังพิงกัน ในภาษาท้องถิ่นเรียกว่า อิง ตั้งแต่นั้นมาแม่น้ำสายตาสายนี้ ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น แม่น้ำอิง มาจนถึงวันนี้

 

                ความสัมพันธ์ของกษัตริย์ทั้งสามพระองค์ ดำเนินไปด้วยความราบรื่นเรื่อยมา ตราบจนกระทั่งวันหนึ่งเรื่องความแตกร้าวระหว่างพระสหายก็ปรากฏ มีเรื่องเล่าว่า ในทุกๆ ปี พระยาร่วงเจ้าจะเสด็จมาสักการะแม่น้ำโขง หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า แม่น้ำของ โดยใช้เส้นทางเดินผ่านมาทางแม่น้ำยม เขตอำเภอสอง จังหวัดแพร่ และเขตอำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา แล้วจึงแยกซ้ายผ่านปางเตย ปางงุ้น ผ่านตำบลหนองหล่ม เขตอำเภอดอกคำใต้ จังพะเยามาโดยลำดับ และที่ปรากฏร่องรอยชัดเจนจนเป็นตำนานคือเขตอำเภอดอกคำใต้นี้เอง ทางที่ใช้สัญจรผ่านไปมานานวันเข้าดินยุบลงเป็นร่องน้ำ คนทั้งหลายจึงขนานนามว่า น้ำแม่ร่องช้าง ในปัจจุบัน

 

                ณ เมืองพะเยาพระยางำเมือง ทรงมีมเหสีผู้มีสิริโฉมอันงดงาม ใครเห็นใครก็หลงรัก เพราะพระนางมิใช่เพียงงดงามแต่เพียงใบหน้าหรือกิริยาที่แสดงออกเท่านั้น ยังงดงามไปถึงจิตใจข้างในด้วย พระองค์มีพระนามว่า พระนางอั้วเชียง บางตำนานเรียกพระนางว่าอั้วเชียงแสน และอั้วสิม นั่นก็หมายถึงพระนางองค์เดียวกัน พระยาร่วงเมื่อแรกพบพักตร์ก็ทรงหลงรักสิเน่หาพระนางเสียแล้ว จนกินไม่ได้นอนไม่หลับกระวนกระวายอยู่หลายคืน เมื่อพระองค์ทนความรบเร้าแห่งจิตคิดถึงพระนางไม่ไหว จึงร่ายมนต์แปลงกายเป็นพระยางำเมือง เสด็จเข้าไปหาพระมเหสี เมื่อทั้งสองพระองค์ทรงกระทำกามคุณเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระยาร่วงก็รีบเสด็จออกจากห้องบรรทมของพระนางทันที

 

                ลำดับต่อมาพระยางำเมืองเสด็จเข้าไปหาพระนางอั้วเชียงตามปกติ  พระนางจึงฉงนพระทัย แล้วทูลถามพระยางำเมืองว่า เอ...วันนี้เสด็จพี่มาแปลก เสด็จเข้ามาในห้องน้องถึงสองเวลา เป็นเพราะเหตุอะไรหนอ???  ครั้นพระยางำเมืองใคร่ครวญดูก็ทรงทราบได้ทันทีว่าต้องมีคนปลอมตัวเข้าหาพระมเหสีเป็นแน่ คนที่มีวิชากระทำการอุกอาจเช่นนี้ได้ต้องเป็นพระสหาย ด้วยความโกรธและแค้นใจที่พระสหายทำกันได้ถึงเพียงนี้ จึงสั่งให้ทหารล้อมจับพระยาร่วงเป็นการใหญ่  พระยาร่วงเห็นเหตุการณ์ดังนั้นก็ตกใจ จึงจำแลงกายร่ายเวทย์มนต์เป็นนกเอี้ยงบินหนีไป พระยางำเมืองเห็นเป็นเช่นนั้นก็ไล่ตามไปจนทัน นกเอี้ยงบินไปก็เหนื่อยอ่อนตกลงไปที่หนองน้ำแห่งหนึ่งชาวบ้านจึงถือเอานิมิตนั้นเรียกว่า หนองเอี้ยง

 

                เมื่อจวนตัวพระยาร่วงก็ร่ายมนต์แปลงกายเป็นวัว มีสีแดงดังสีเลือดวิ่งหนีไปอีก พระยางำเมืองก็ไล่กวดไปจนทัน  วัวแดงตัวนั้นตกใจโดดลงไปติดหล่มอยู่บริเวณหนองน้ำแห่งหนึ่ง ชาวบ้านจึงให้ชื่อว่า หนองวัวแดง เมื่อจวนตัวพระยาร่วงก็แปลงกายเป็นสัตว์ตัวเล็กที่สุด คือ ไฮ(ไร) ไต่ไปตามบ้านเรือนผู้คน โดยหวังว่าวิธีนี้พระยางำเมืองจะมองไม่เห็น พระยางำเมืองก็เห็นและเข้าไปจับอีก เมื่อจวนตัวพระยาร่วงก็แปลงกายเป็นตุ่นวิ่งหนีไปขุดรูไป พระยางำเมืองไล่ไปขุดหาตุ่นไปด้วย และไปทันที่บ้านแห่งหนึ่ง ชาวบ้านจึงขนานนามว่า บ้านตุ่น รูที่ตุ่นขุดไป ชาวบ้านจึงเรียกว่า ห้วยแม่ตุ่น พระยาร่วงเห็นจวนตัวก็จำแลงกายเป็นเสือโคร่งลายพาดกอนตัวใหญ่มีกำลังมากกระโจนหนีไป พระยางำเมืองก็ไล่ไปทันที่ตำบลแห่งหนึ่ง  ชาวบ้านนิยมเรียกเสือเป็นภาษาท้องถิ่นว่า สาง จึงให้ชื่อบ้านนั้นว่า บ้านสาง มาจนทุกวันนี้  เมื่อจวนตัวเสือโคร่งก็กระโจนหนีลงไปพลาดท่าตกลงน้ำในกว๊านพะเยาจนเสียงดัง ต๋อม น้ำกระเด็นไปทั่วบริเวณ  บ้านที่เสือโดดลงไปตกน้ำกว๊าน จึงชื่อว่า บ้านต๋อม มาจนถึงทุกวันนี้และในที่สุด เสือพระยาร่วงก็ไปติดกับขะตั้ม(คือเครื่องมือดักสัตว์ชนิดหนึ่ง) บริเวณบ้านแห่งหนึ่ง ชาวบ้านจึงเรียก

 

บ้านต๊ำ มาจนถึงทุกวันนี้ พระยางำเมืองก็ไปจับตัวได้ ณ บ้านแห่งนั้นนั่นเอง แล้วนำไปจองจำไว้โดยให้คนส่งข้าวน้ำให้เสวย วันหนึ่งคนนำพระกระยาหารละเลยต่อหน้าที่ไม่มีอะไรมาถวาย จึงแกล้งนำไม้ตาหีบปิ้งปลาถวาย  พระยาร่วงทรงน้อยพระทัยว่าตัวเราเป็นถึงเจ้าชีวิตจะมาตายเพราะอดข้าวอดน้ำในที่นี้แล้วกระมัง ว่าแล้วจึงจับไม้ตาหีบขึ้นมาพนมมือตั้งสัจจะอธิษฐานว่า ถ้าข้ายังมีบุญญาธิการ ชีวิตจะอยู่รอดต่อไปอีก ก็ขอให้ไม้นี้จงออกรากเป็นต้นไม้ด้วยเถิด แล้วจึงปักลงบนแผ่นดิน ไม้ปิ้งปลานั้นก็เกิดปาฎิหาริย์เกิดมีรากงอกขึ้นมา ชาวบ้านเห็นเป็นอัศจรรย์จึงเรียกไม้นั้นว่า ไม้ตาหีบพระร่วง มาจนทุกวันนี้

 

                การจับตัวพระร่วงได้ในเวลานั้นเป็นข่าวใหญ่โตมีเสียงเล่าลือกันไปทั่วอาณาจักน้อยใหญ่ จนรู้ไปถึงหูของพระยาเม็งรายเจ้าผู้ครองอาณาจักรล้านนา เมื่อพระยาเม็งรายพระสหายเสด็จมาเพื่อยุติข้อขัดแย้ง จึงให้พระยางำเมืองและพระยาร่วงมานั่งร่วมกัน เพื่อเคลียร์ปัญหาทางใจที่มีต่อกัน ณ บ้านแห่งหนึ่ง บ้านนั้นจึงมีชื่อว่า บ้านเกณฑ์และสั่งให้ทหารตั้งศาล หรือกว้านขึ้นมา ณ บ้านแห่งหนึ่ง บ้านนั้นจึงเรียกว่า บ้านกว้าน เมื่อประชาชนรู้ข่าวกันมากขึ้นจึงพากันมาฟังคดีความ โดยการป้อ หรือกระจุกกันอยู่ ณ บ้านแห่งหนึ่ง บ้านนั้นจึงชื่อว่า บ้านป้อ มาจนถึงทุกวันนี้  พระยาเม็งรายได้ไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งของสองพระยา โดยให้ยึดหลักความสามัคคีและมิตรไมตรีต่อกัน กระทั่งเอาเรื่องราวในอดีตครั้งเยาว์วัยที่ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขได้กินนอนเป็นมิตรสหาย เพราะคำว่ามิตรภาพนั้นมิอาจหาได้โดยง่าย การผิดใจกันสองคนก็หมายถึงคนสองอาณาจักรจะต้องต่อสู้ล้มตายกันอีกมากมาย ผลเสียย่อมเกิดขึ้นอย่างมากมายมหาศาลแน่นอน พระยาทั้งสองก็ยอมความแก่กันละกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วพระยาเม็งรายจึงตัดสินคดีความให้พระยาร่วงเสียค่าสินไหมแก่พระยางำเมืองเป็นทองคำแท่งสูงเท่าตัวพระยางำเมืองและให้คืนดีเป็นมิตรไมตรีต่อกันดังเดิม พระยาร่วงจึงได้ยินยอมแต่โดยดี ทั้งสามสหายก็พากันไป ณ แม่น้ำอิง  แล้วนั่งเอาหลังพิงกันสาบานเป็นเพื่อนร่วมกันตลอดไป (พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมวิมลโมลี ปราชญ์ด้านประวัติศาสตร์เมืองพะเยา ได้ให้ข้อคิดไว้ในหนังสือความเป็นมาในอดีตของเมืองพะเยา และประวัติพระยายุทธิศเสถียร เมืองสองแควว่า พระยาทั้งสามได้ประทับนั่งเอาพระปฤษฎางค์(หลัง)พิงกันดื่มเลือดสาบานกันริมแม่น้ำสายตาหรือแม่น้ำอิง ณ บริเวณวัดร่องขุย)  เมื่อเสร็จพิธีปฏิญาณแล้ว ชาวบ้านชาวเมืองต่างก็ดีใจไม่ต้องเกิดศึกสงครามกันระหว่างอาณาจักรภูกามยาวและสุโขทัย ก็แห่พระยาทั้งสามขึ้นจากท่าน้ำ ท่าน้ำนั้นจึงเรียกว่า ท่าแห่ พระยาร่วงและพระยาเม็งรายก็แยกย้ายกันกลับเมืองโดยสวัสดี

 

                ตำนานเป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมา มีทั้งข้อเท็จจริงและเรื่องเล่าผสมกันมา เพื่อให้ความกระจ่างแจ้งและมีความมันในการเล่ามากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้เราได้ข้อคิดว่าการเล่าเพื่อผูกพันเป็นเรื่องเป็นราว เพื่อให้ชื่อบ้านนามเมืองต่างๆ คล้องจองกัน คงจะต้องมีผู้รู้ศึกษากันอย่างจริงจังเพื่อหาประเด็นมาวิเคราะห์กันสืบต่อไป

 

 
โดย : dangphayao    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   [ 2 ] Tue 5, Jan 2010 12:38:00

 
เยี่ยมครับ ตาสว่างเลยยยยยยยยยยยยยยย
 
โดย : ขุนศึกแห่งลุ่มน้ำปิง    [Feedback +9 -3] [+1 -0]   [ 3 ] Tue 5, Jan 2010 14:03:08

 

ขาดไม่ได้จริงๆครับ !

 
โดย : เหม่งจ๋ายพยาว    [Feedback +3 -0] [+0 -0]   [ 4 ] Tue 5, Jan 2010 21:03:57

 
 
โดย : โต้งพะเยา    [Feedback +6 -0] [+1 -0]   [ 5 ] Wed 6, Jan 2010 10:01:08

 

ข้าพเจ้าขอน้อมสักการะวันตาไหว้สาพ่อเจ้าพญางำเมือง

 
โดย : ภูมิเเม่ต๋ำ    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   [ 6 ] Wed 6, Jan 2010 10:08:44

 
----------->>>เมืองพะเยาจะขาด............ไม่ได้ : พระล้านนา.คอม เว็บ พระเครื่อง พระบูชา อันดับหนึ่ง ของภาคเหนือ ออกแบบเว็บไซต์โดย 2WinWeb design บริการรับทำเว็บไซต์
Copyright Pralanna.com All right reserved. © สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมายโดย บริษัท พระล้านนาดอทคอม จำกัด.